ย่างกุ้ง

(เปลี่ยนทางจาก Yangon)

ย่างกุ้ง,[3] ยานโกน[3] (พม่า: ရန်ကုန်, เอ็มแอลซีทีเอส: Rankun, ออกเสียง: [jàɰ̃.ɡòʊ̯ɰ̃]; "จุดจบแห่งสงคราม") หรือ ร่างกุ้ง (อังกฤษ: Rangoon) เป็นเมืองหลวงของภาคย่างกุ้ง และเป็นเมืองหลวงทางการค้าของพม่า ย่างกุ้งทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของพม่าจนถึงปี ค.ศ. 2006 เมื่อรัฐบาลทหารย้ายศูนย์ราชการไปยังเนปยีดอในภาคกลางของประเทศพม่าอย่างเป็นทางการ[4] ด้วยประชากรกว่า 7 ล้านคนย่างกุ้งจึงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพม่าและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุด

ย่างกุ้ง

ရန်ကုန်
ตามเข็มนาฬิกาจากด้านบน: เจดีย์ชเวดากอง, มุมมองทางอากาศใจกลางเมืองย่างกุ้ง, อาคารยุคอาณานิคมบนถนนสแตรนด์, พระราชวังการเวกในทะเลสาบกันดอจี, เจดีย์ซูเล, ศาลสูงย่างกุ้ง
ธงของย่างกุ้ง
ธง
ย่างกุ้งตั้งอยู่ในประเทศพม่า
ย่างกุ้ง
ย่างกุ้ง
ที่ตั้งเมืองย่างกุ้งในประเทศพม่า
พิกัด: 16°47′42″N 96°09′36″E / 16.79500°N 96.16000°E / 16.79500; 96.16000
ประเทศ พม่า
ภาค ภาคย่างกุ้ง
ตั้งถิ่นฐานราว ค.ศ. 1028–1043
การปกครอง
 • นายกเทศมนตรีมองมองโซ่
พื้นที่[2]
 • เขตเมือง598.75 ตร.กม. (231.18 ตร.ไมล์)
 • รวมปริมณฑล10,170 ตร.กม. (3,930 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2014)
 • มหานคร7,360,703[1] คน
 • เขตเมือง5,160,512 คน
 • ความหนาแน่นเขตเมือง8,600 คน/ตร.กม. (22,000 คน/ตร.ไมล์)
 • นอกเมือง2,200,191 คน
 • กลุ่มชาติพันธุ์พม่า, พม่าเชื้อสายจีน, พม่าเชื้อสายอินเดีย, ชีน, ยะไข่, มอญ, กะเหรี่ยง, ไทใหญ่, กะยา, กะชีน
 • ศาสนาพุทธ, คริสต์, ฮินดู, อิสลาม
เขตเวลาUTC+6:30 (เวลามาตรฐานพม่า)
รหัสพื้นที่01
ทะเบียนพาหนะYGN
เว็บไซต์www.ycdc.gov.mm

ย่างกุ้งมีจำนวนอาคารยุคอาณานิคมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[5] และมีใจกลางเมืองยุคอาณานิคมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร[6] ศูนย์กลางการค้ายุคอาณานิคมแห่งนี้เป็นศูนย์กลางอยู่รอบรอบเจดีย์ซู่เลซึ่งขึ้นชื่อว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี[7] เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งเป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพม่า สุสานของจักรพรรดิโมกุลองค์สุดท้ายก็ตั้งอยู่ในย่างกุ้ง ซึ่งพระองค์ถูกเนรเทศมาหลังการจลาจลของอินเดียใน ค.ศ. 1857

ย่างกุ้งได้รับผลกระทบจากโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์และอาคารพาณิชย์หลายแห่งจะได้รับการปรับปรุงใหม่ทั่วใจกลางเมืองย่างกุ้ง แต่ย่านโดยรอบของเมืองยังคงยากจนและยังขาดโครงสร้างพื้นฐาน[8]

นิรุกติศาสตร์

ย่างกุ้ง (ရန်ကုန်) เป็นคำผสมที่เกิดจากคำว่า ยาน (ရန်, yan) ซึ่งมีความหมายว่า ศัตรู ข้าศึก และคำว่า โกน (ကုန်, koun) ซึ่งมีความหมายว่า หมดไป ซึ่งสามารถแปลได้อีกอย่างว่า อวสานสงครามหรือจุดจบแห่งสงคราม

ส่วนคำว่าย่างกุ้งในภาษาอังกฤษ Rangoon มีที่มาจากการเลียนเสียงของคำว่า ยานโกน ซึ่งในภาษายะไข่ออกเสียงเป็น รอนกู้น [rɔ̀ɴɡʊ́ɴ]

ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ในช่วงต้น

ย่างกุ้งก่อตั้งขึ้นในชื่อ ดากอง (Dagon - ภาษามอญเรียกว่า "ตะเกิง") ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1571–1586) โดยชาวมอญซึ่งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคใต้ของพม่าในขณะนั้น[9] ดากอนเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ซึ่งมีศูนย์กลางคือเจดีย์ชเวดากอง ใน พ.ศ. 2298 พระเจ้าอลองพญา ได้บุกยึดดากอง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น ย่างกุ้ง (Yangon) และมีการตั้งถิ่นฐานของราษฎรที่เพิ่มขึ้นตลอดมา เมื่อถึง พ.ศ. 2367 กองทัพอังกฤษสามารถยึดเมืองย่างกุ้งได้ในสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่หนึ่ง แต่หลังจากสงคราม อังกฤษก็คืนย่างกุ้งให้แก่พม่า ใน พ.ศ. 2384 เกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในเมืองซึ่งทำลายเมืองไปเกือบทั้งหมด[10]

ย่างกุ้งในยุคอาณานิคม

แผนที่ย่างกุ้งและบริเวณโดยรอบ ค.ศ. 1911
ทิวทัศน์ของสวนบริเวณค่ายทหาร (ปัจจุบันคือสวนสาธารณะกันดอมิงคลา) ในปี ค.ศ. 1868
ความเสียหายของใจกลางเมืองย่างกุ้งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

อังกฤษยึดย่างกุ้งและส่วนล่างของพม่าทั้งหมดได้ในระหว่างสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่สองเมื่อ พ.ศ. 2395 และได้เปลี่ยนย่างกุ้งให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเมืองของพม่าภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร (British Burma) ในปี พ.ศ. 2396 อังกฤษได้ย้ายเมืองหลวงของประเทศพม่าจากเมาะลำเลิง มายังย่างกุ้ง[11][12] ย่างกุ้งยังเป็นสถานที่ซึ่งอังกฤษส่งตัวจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์ ซาฟาร์ที่ 2 จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โมกุลของอินเดียมาจองจำหลังจากเกิดเหตุการณ์กบฎอินเดีย หรือกบฎซีปอยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2400 อังกฤษได้สร้างเมืองย่างกุ้งใหม่โดยวางผังเมืองเป็นรูปตารางบนที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ โดยมีร้อยโทอเล็กซานเดอร์ เฟรเซอร์ นายทหารช่างเป็นผู้ควบคุมการออกแบบ มีพื้นที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกจรดแม่น้ำปะซูนดอง (Pazundaung Creek) ทางตะวันตกและทางใต้จรดแม่น้ำย่างกุ้ง ย่างกุ้งกลายเป็นเมืองหลวงพม่าภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรหลังจากที่อังกฤษยึดพม่าตอนบนได้ในสงครามอังกฤษ-พม่าครั้งที่สาม เมื่อปี พ.ศ. 2428 และตั้งแต่คริสต์ทศวรรษที่ 1890 เป็นต้นมา ประชากรและการค้าในย่างกุ้งเติบโตขึ้นอย่างรุ่งเรืองซึ่งเป็นผลให้เมืองขยายออกไปทางเหนือจรดรอยัลเลกหรือทะเลสาบกันดอจี (Kandawgyi) และทะเลสาบอินยา (Inya Lake)[13] นอกจากนี้อังกฤษยังได้จัดตั้งโรงพยาบาลขึ้น หนึ่งในนั้นคือ โรงพยาบาลย่างกุ้ง (Rangoon General Hospital) และวิทยาลัย ซึ่งก็คือ มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง (Rangoon University) ในปัจจุบัน

ย่างกุ้งในยุคอาณานิคม มีสวนสาธารณะและทะเลสาบที่กว้างขวาง อีกทั้งยังประกอบไปด้วยอาคารที่ทันสมัยและสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิม ทำให้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "สวนเมืองแห่งทิศตะวันออก" (the garden city of the East)[13] และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ย่างกุ้งก็มีการบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่เทียบเท่าลอนดอนเลยทีเดียว[14]

ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณร้อยละ 55 ของประชากรในย่างกุ้งจำนวน 500,000 คน เป็นชาวอินเดียหรือไม่ก็ชาวเอเชียใต้ มีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่เป็นชาวพม่า[15] ขณะที่เหลือประกอบไปด้วยชาวกะเหรี่ยง พม่าเชื้อสายจีน และลูกครึ่งอังกฤษ-พม่า

หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งย่างกุ้งกลายเป็นศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชโดยมีนักศึกษาฝ่ายซ้ายเป็นแกนนำ มีการประท้วงต่อจักรวรรดิอังกฤษทั้งหมด 3 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2463, 2479 และ 2481 ทั้งหมดเกิดขึ้นในย่างกุ้ง ย่างกุ้งตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2485-2488) และได้รับความเสียหายอย่างมากจากสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยึดคืนมาได้หลังสงครามสิ้นสุดลงโดยฝ่ายสัมพันธมิตร ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 ย่างกุ้งกลายเป็นเมืองหลวงของสหภาพพม่าเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 เมื่อประเทศได้รับเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษ

ย่างกุ้งในสมัยปัจจุบัน

ไม่นานหลังจากที่พม่าได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2491 ชื่อถนนและสวนสาธารณะหลายแห่งที่เป็นแบบอาณานิคมถูกเปลี่ยนให้มีความเป็นชาตินิยมพม่ามากขึ้น ในปี พ.ศ. 2532 รัฐบาลทหารพม่าได้เปลี่ยนชื่อเมืองในภาษาอังกฤษเป็น Yangon (เดิม Rangoon) พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ อีกมากมายในการทับศัพท์ภาษาอังกฤษโดยชื่อพม่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวพม่าจำนวนมากซึ่งคิดว่ารัฐบาลทหารไม่มีความเหมาะสมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่นเดียวกับสื่อสิ่งพิมพ์ สำนักข่าวหลายสำนัก รวมไปถึงสื่อที่มีชื่อเสียงอย่าง บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ (สำนักข่าวบีบีซี) สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและชาติอื่น ๆ[16][17]

นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ย่างกุ้งมีการขยายตัวออกไปมาก รัฐบาลได้สร้างเมืองขึ้นมาโดยรอบ เช่นในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 สร้างย่านธาเกตา (Thaketa) ออกกะลาปาเหนือ (North Okkalapa) ออกกะลาปาใต้ (South Okkalapa) จนถึงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 เกิดย่านไลง์ตายา (Hlaingthaya) ชเวปยีธา (Shwepyitha) และดากอนใต้ (South Dagon)[10] ทำให้ทุกวันนี้มหานครย่างกุ้งมีพื้นที่เกือบ 600 ตารางกิโลเมตร (230 ตารางไมล์)[2]

ในช่วงการปกครองแบบลัทธิโดดเดี่ยวโดยนายพลเนวี่น (พ.ศ. 2505–2531) โครงสร้างพื้นฐานของย่างกุ้งเสื่อมโทรมมากเนื่องจากไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีและไม่รองรับกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 รัฐบาลทหารมีนโยบายเปิดตลาดมากขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศซึ่งช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเมืองมีความทันสมัยขึ้นตามสมควร ผู้อยู่อาศัยในเมืองชั้นในถูกขับให้ไปอยู่ยังบริเวณรอบนอกเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ อาคารหลายแห่งในยุคอาณานิคมถูกทำลายเพื่อเปิดทางให้กับโรงแรมสูงระฟ้า อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า[18] ทำให้สภาเมืองต้องเขียนรายชื่อสิ่งปลูกสร้างยุคอาณานิคมที่โดดเด่นกว่า 200 รายการภายใต้รายการมรดกเมืองย่างกุ้งในปี พ.ศ. 2539[19] โครงการก่อสร้างที่สำคัญส่งผลให้มีสะพานใหม่หกแห่งและทางหลวงสายใหม่อีกห้าเส้นทางเชื่อมโยงเมืองไปยังพื้นที่อุตสาหกรรมด้านนอก[20][21][22] ถึงกระนั้นก็ตาม พื้นที่ย่างกุ้งส่วนใหญ่ยังคงไม่มีบริการเทศบาลขั้นพื้นฐานเช่นไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงและการเก็บขยะตามปกติ

ย่างกุ้งกลายเป็นของชาวพม่าพื้นเมืองมากขึ้นนับตั้งแต่การประกาศเอกราช หลังจากการประกาศเอกราชชาวเอเชียใต้และลูกครึ่งอังกฤษ-พม่าจำนวนมากได้ย้ายออกไป ชาวเอเชียใต้หลายคนถูกบังคับให้ย้ายออกไปในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 โดยรัฐบาลที่ต่อต้านชาวต่างชาติของเนวิน[15] อย่างไรก็ตามชุมชนชาวเอเชียใต้และชาวจีนที่กว้างใหญ่ยังคงมีอยู่ในย่างกุ้ง ส่วนลูกครึ่งอังกฤษ-พม่าหายไปอย่างเห็นชัดมากกว่าโดยย้ายออกจากประเทศหรือไม่ก็แต่งงานกับชาวพม่ากลุ่มอื่น ๆ

ย่างกุ้งเป็นศูนย์กลางของการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2517, 2531 และ 2550 การลุกฮือของพลังประชาชนใน พ.ศ. 2531 ส่งผลให้มีการเสียชีวิตของพลเรือนชาวพม่าหลายร้อยคน และมากมายในย่างกุ้งที่ซึ่งประชาชนหลายร้อยคนหลั่งไหลกันออกมาเต็มถนนในเมืองหลวง การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์ประสบกับการกราดยิงใส่ฝูงชนและการเผาศพในย่างกุ้งโดยรัฐบาลพม่าเพื่อลบหลักฐานการก่ออาชญากรรมต่อพระสงฆ์ ผู้ประท้วงที่ปราศจากอาวุธ นักข่าวและนักศึกษา[23]

ถนนในเมืองประสบกับการนองเลือดทุกครั้งขณะที่ผู้ประท้วงถูกยิงโดยรัฐบาล

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 รัฐบาลทหารกำหนดให้กรุงเนปยีดอซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งไปทางเหนือราว 320 กิโลเมตร (199 ไมล์) เป็นเมืองหลวงทางปกครองแห่งใหม่และต่อมาย้ายที่ทำการรัฐบาลจำนวนมากไปยังเมืองที่ถูกพัฒนาใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม ย่างกุ้งยังคงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดของพม่า

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 พายุไซโคลนนาร์กีสถล่มย่างกุ้ง ในขณะที่เมืองมีผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย แต่โครงสร้างพื้นฐานทางอุตสาหกรรมของย่างกุ้งถูกทำลายหรือเสียหายถึงประมาณสามในสี่ ความสูญเสียประมาณ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[24]

ภูมิศาสตร์

ย่างกุ้งตั้งอยู่ในพม่าตอนล่าง ที่จุดบรรจบกันของแม่น้ำย่างกุ้งและแม่น้ำพะโคประมาณ 30 กม. (19 ไมล์) ห่างจากอ่าวเมาะตะมะที่ 16 ° 48 'เหนือ 96 ° 09' ตะวันออก (16.8, 96.15) เขตเวลามาตรฐานคือ UTC / GMT +6: 30 ชั่วโมง

ภูมิอากาศ

ย่างกุ้งมีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อนภายใต้ระบบการแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิพเพิน[25] เมืองแห่งนี้มีฤดูฝนที่ยาวนานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเป็นจำนวนมาก และฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนซึ่งมีฝนเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากฝนตกหนักที่ได้รับในช่วงฤดูฝนทำให้ย่างกุ้งตกอยู่ภายใต้สภาพภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ในช่วงปี พ.ศ. 2504 ถึง พ.ศ. 2533 อุณหภูมิโดยเฉลี่ยแสดงความแปรปรวนเล็กน้อยโดยมีค่าเฉลี่ยสูงจาก 29 ถึง 36 ° C (84 ถึง 97 ° F) และอุณหภูมิต่ำสุดตั้งแต่ 18 ถึง 25 ° C (64 ถึง 77 ° F) .

ข้อมูลภูมิอากาศของYangon (Kaba–Aye) 1981–2010, extremes 1881–1990
เดือนม.ค.ก.พ.มี.ค.เม.ย.พ.ค.มิ.ย.ก.ค.ส.ค.ก.ย.ต.ค.พ.ย.ธ.ค.ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F)38.9
(102)
38.9
(102)
40.0
(104)
41.1
(106)
41.1
(106)
37.8
(100)
37.8
(100)
34.4
(93.9)
38.9
(102)
37.8
(100)
38.9
(102)
35.6
(96.1)
41.1
(106)
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F)33.2
(91.8)
35.2
(95.4)
36.7
(98.1)
37.5
(99.5)
34.2
(93.6)
30.8
(87.4)
30.3
(86.5)
30.0
(86)
30.9
(87.6)
32.2
(90)
33.1
(91.6)
32.5
(90.5)
33.1
(91.6)
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F)24.8
(76.6)
26.5
(79.7)
28.6
(83.5)
31.0
(87.8)
29.2
(84.6)
27.4
(81.3)
26.8
(80.2)
26.9
(80.4)
27.5
(81.5)
27.6
(81.7)
27.3
(81.1)
25.0
(77)
27.4
(81.3)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F)16.7
(62.1)
18.4
(65.1)
21.0
(69.8)
23.8
(74.8)
24.3
(75.7)
23.6
(74.5)
23.2
(73.8)
23.2
(73.8)
23.2
(73.8)
23.1
(73.6)
21.3
(70.3)
17.8
(64)
21.6
(70.9)
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F)12.2
(54)
13.3
(55.9)
16.1
(61)
20.0
(68)
20.0
(68)
20.0
(68)
21.1
(70)
20.0
(68)
20.0
(68)
20.0
(68)
15.0
(59)
12.8
(55)
12.2
(54)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว)0.4
(0.016)
3.1
(0.122)
12.4
(0.488)
37.8
(1.488)
328.1
(12.917)
565.6
(22.268)
605.8
(23.85)
570.7
(22.469)
393.7
(15.5)
200.3
(7.886)
58.6
(2.307)
6.8
(0.268)
2,783.3
(109.579)
ความชื้นร้อยละ62666966738586878578716574
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย0.20.20.41.612.625.326.226.119.512.24.80.2129.3
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด300272290292181807792972032802882,452
แหล่งที่มา 1: Norwegian Meteorological Institute (average high and average low, and precipitation 1981–2010),[26] World Meteorological Organization (rainy days 1961–1990),[27] Deutscher Wetterdienst (extremes)[28]
แหล่งที่มา 2: Danish Meteorological Institute (sun and relative humidity 1931–1960),[29] Tokyo Climate Center (mean temperatures 1981–2010)[30]

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลหน้าหลักพระสุนทรโวหาร (ภู่)องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024สไปร์ท (แร็ปเปอร์)ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024พุ่มพวง ดวงจันทร์ดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อีดิลอัฎฮาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวราชวงศ์จักรีลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทยรายชื่อตัวละครในพระอภัยมณีหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคลทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลพระอภัยมณีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคลหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรหลานม่าอริยสัจ 4ตารางธาตุนิราศภูเขาทองรายชื่อเครื่องดนตรีเฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชคประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาปิติ ภิรมย์ภักดีวอลเลย์บอลวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย