เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู

(เปลี่ยนทางจาก The World Ends with You)

เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู (The World Ends with You) หรือที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นในชื่อว่า ซูบาราชิกิ โคโนะ เซไก (ญี่ปุ่น: すばらしきこのせかいโรมาจิSubarashiki Kono Sekai แปลตรงตัว: "This Wonderful World") เป็นเกมแนว action role-playing ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมงานพัฒนาซีรีส์คิงดอมฮารตส์ของสแควร์เอนิกซ์และทีม Jupiter สำหรับเครื่องนินเทนโดดีเอส รูปแบบศิลปะการออกแบบของเกมได้รับแรงบันดาลใจมาจากย่านชิบุยะและวัฒนธรรมวัยรุ่น โดยกำหนดเนื้อเรื่องให้เกิดขึ้นในย่านชิบุยะของโตเกียวในยุคปัจจุบัน การพัฒนาได้รับแรงบันดาลใจจาก Kingdom Hearts: Chain of Memories ซึ่งเป็นเกมที่ทีม Jupiter พัฒนาขึ้นก่อนหน้า เริ่มวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 และวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือและ PAL regions ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551

เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู
จากบนสุดวนตามเข็มนาฬิกา: บีท ไรม์ ชิกิ เนกุ และโจชัว
ผู้พัฒนาสแควร์เอนิกซ์, Jupiter
ผู้จัดจำหน่ายสแควร์เอนิกซ์, Ubisoft (ออสเตรเลีย)
อำนวยการผลิต
ออกแบบทัทสึยะ คันโดะ (ผู้กำกับ)
ศิลปินเก็น โคะบะยะชิ
เท็ทสึยะ โนะมุระ
แต่งเพลงทะเคะฮะรุ อิชิโมะโตะ
เครื่องเล่นนินเทนโดดีเอส
วางจำหน่าย
  • JP: July 26, 2007
  • EU: April 18, 2008
  • NA: April 22, 2008
  • AU: April 24, 2008[1]
แนวAction role-playing
รูปแบบSingle-player

ตามเนื้อเรื่องภายในเกม เนกุ ซากุราบะ และพวกพ้อง ถูกบังคับให้เข้าร่วมในเกมที่จะตัดสินชะตากรรมของพวกเขา ระบบการต่อสู้ได้ใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของนินเทนโดดีเอส อย่างเช่นฉากการต่อสู้ที่แสดงผลบนจอภาพทั้งสองจอ และการโจมตีศัตรูด้วยการเคลื่อนไหวบนจอสัมผัสในลักษณะต่าง ๆ หรือการตะโกนลงในไมโครโฟน โดยแต่ละภารกิจจะมีวัฒนธรรมของวัยรุ่นญี่ปุ่นในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แฟชั่น อาหาร โทรศัพท์มือถือ เป็นจุดสำคัญ

เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู ได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกทั้งในด้านกราฟิก เพลงประกอบ และการผสมผสานระบบการเล่นเข้ากับบรรยากาศของชิบุยะ แต่มีข้อตำหนิเล็กน้อยเกี่ยวกับระบบการต่อสู้ที่เข้าใจยากและการควบคุมจอสัมผัสที่ไม่แน่นอน เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังวางจำหน่าย เกมมียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับสองในบรรดาเกมของเครื่องนินเทนโดดีเอสในญี่ปุ่น และสูงเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเกมของเครื่องนินเทนโดดีเอสในสหรัฐอเมริกา

โครงเรื่อง

Setting

เกมดำเนินเรื่องในย่านชิบุยะของโตเกียวในรูปแบบที่จินตนาการขึ้นมาใหม่ ขณะที่ชีวิตประจำวันดำเนินไปใน Realground (RG) จะมีผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วถูกคัดเลือกให้เข้าไปสู่มิติที่เรียกว่า Underground (UG) โดย UG ยังเป็นสถานที่สำหรับดำเนินเกมยมทูต.[2] โดยผู้เล่นซึ่งเป็นผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว จะต้องแลกเปลี่ยนสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับแต่ละคนเพื่อเข้าร่วมเกม โดยมีรางวัลตอบแทนคือ กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หรือกลายสภาพเป็นรูปแบบจิตวิญญาณในระดับที่สูงขึ้นไป ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เลือกกลายสภาพจะกลายเป็นยมทูต ซึ่งจะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้เล่นในเกมครั้งต่อ ๆ ไป[3] ภายในหนึ่งสัปดาห์จะมีเกมที่ทดสอบคุณค่าของความเป็นมนุษย์.[2] ผู้เล่นจะต้องบรรลุเป้าหมายของแต่ละคนภายใต้กฎที่สร้างขึ้นโดยคอมโพเซอร์ (Composer) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายพระเจ้าที่คอยดูแลชิบุยะ และมีคอนดักเตอร์ (Conductor) ยมทูตอีกตนหนึ่ง คอยมอบหมายหน้าที่ให้ยมทูตตนอื่น ๆ คอยขัดขวางการดำเนินเกมของผู้เล่น ผู้เล่นที่ทำภารกิจไม่สำเร็จจะถูกทำให้จิตวิญญาณแตกสลาย ซึ่งเป็นการลบการดำรงอยู่ของผู้เล่นนั้น.[4]

สิ่งมีชีวิตใน RG จะไม่สามารถมองเห็นผู้เล่นได้ใน UG ได้ แต่ผู้เล่นสามารถอ่านหรือชักจูงความคิดของสิ่งมีชีวิตใน RG ได้เป็นบางเวลา ภายใน UG มีสิ่งที่เรียกว่า "นอยส์" (Noise) ซึ่งถูกดึงดูดเข้าหาความรู้สึกด้านลบของสิ่งมีชีวิต ในการดำเนินเกมยมทูต ผู้เล่นมักจะต้องกำจัดนอยส์โดยการฆ่าหรือลบทิ้ง[5] นอยส์แต่ละตนจะมีตัวตนอยู่ใน 2 พื้นที่ในเวลาเดียวกัน ผู้เล่นสองคนจะต้องแยกกันต่อสู้กับนอยส์ในพื้นที่ทั้งสอง จึงจะสามารถปราบนอยส์ลงได้ ดังนั้นผู้เล่นสองคนจะต้องทำข้อตกลงเป็นคู่หูต่อสู้ร่วมกันเพื่อที่จะปราบนอยส์ได้[6] ผู้เล่นจะได้รับมอบหมายภารกิจผ่านทางข้อความที่ส่งทางโทรศัพท์มือถือ แล้วที่มือขวาของผู้เล่นจะถูกประทับด้วยตัวเลขเวลานับถอยหลังที่แสดงถึงเวลาที่เหลืออยู่ในการทำภารกิจ.[5] หลังจากภารกิจในแต่ละวันเสร็จสิ้นลง ผู้เล่นที่เหลืออยู่ในเกมจะถูกนำตัวข้ามเวลาไปยังวันถัดไปเพื่อไปสู่สถานที่เริ่มต้นภารกิจของวันถัดไป

ตัวละคร

ผู้เล่นเกมนี้จะบังคับตัวละครเนกุ ซากุระบะ (Neku Sakuraba) เด็กชายวัยรุ่นที่ต่อต้านสังคม ชอบฟังเพลงมากกว่ามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ตัวละครอื่น ๆ รวมถึงผู้เล่นเกมยมทูตที่เป็นคู่หูร่วมต่อสู้กับเนกุ จะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์[6] ในเกมยมทูตครั้งแรก เนกุจะจับคู่กับชิกิ มิซากิ (Shiki Misaki) เด็กสาววัยรุ่นที่ใช้รูปลักษณ์ของเพื่อนสนิทเข้าร่วมเกม ขณะที่รูปลักษณ์ที่แท้จริงถูกใช้เป็นค่าเข้าร่วมเกม[7] ในการเล่นเกมยมทูตครั้งต่อมา คู่หูของเนกุ คือโยชิยะ คิริว (Yoshiya Kiryu) หรือที่มักถูกเรียกว่า โจชัว (Joshua) เด็กชายวัยรุ่นฉลาดแกมโกง คู่หูคนสุดท้ายของเนกุ คือไดสุเกะโนะโจ บิโตะ (Daisukenojo Bito) ยมทูตที่เรียกตัวเองว่า “บีท” (Beat)[8] โดยบีทต้องการเป็นยมทูตเพื่อหาหนทางทำให้ไรมุ บิโตะ (Raimu Bito) (ชื่อเล่นว่า "ไรม์ : Rhyme") น้องสาว ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง โดยที่ไรม์ได้สละตนเองเพื่อปกป้องพี่ชายจากการโจมตีของนอยส์[9] ซานาเอะ ฮาเนโคมะ (Sanae Hanekoma) ผู้ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ (Producer) ของเกมยมทูต ได้นำวิญญาณของเธอมาสร้างเป็นเข็มกลัดที่ทำให้สามารถเรียกร่างนอยส์ของเธอออกมาได้ และได้มอบเข็มกลัดนี้ให้บีทต่อมามิทสึกิ โคนิชิ (Mitsuki Konishi) เกมมาสเตอร์ (Game Master) ตนสุดท้าย ได้ทำลายร่างนอยส์ของไรม์ทำให้กลับกลายเป็นเข็มกลัดเช่นเดิม

นอกจากคอมโพเซอร์และคอนดัคเตอร์แล้ว ยังมียมทูตระดับสูงตนอื่น ๆ อีก[10] ในเกมยมทูตแต่ละสัปดาห์ คอนดัคเตอร์จะมอบหมายยมทูตตนหนึ่งให้เป็นเกมมาสเตอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการขัดขวางผู้เล่น ในบรรดาเกมมาสเตอร์ที่คอยขัดขวางเนกุนั้น โช มินามิโมโตะ (Sho Minamimoto) ถือว่าเป็นเกมมาสเตอร์ที่อันตรายที่สุด อันเนื่องมาจากเป็นผู้ที่หลบเลี่ยงกฎเพื่อหาหนทางแย่งตำแหน่งจากคอมโพเซอร์[11] ยมทูตเข้ามามีส่วนร่วมในเกมเพื่อให้ได้พิจารณาเลื่อนขั้นจากประสิทธิภาพการดำเนินเกม อันนำไปสู่การกลายสภาพเป็นเทวทูต (Angel) ซึ่งเป็นรูปแบบจิตวิญญาณระดับสูงสุด[12] โดยเทวทูตจะคอยดูแลตรวจตราเกมยมทูต ถ้าเกมมีความเสี่ยงมาก เทวทูตตนหนึ่งจะได้รับมอบหมายให้ลงมาทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์[13] ตามเรื่องราวในเกมตลอดสามสัปดาห์ โปรดิวเซอร์ของเกมยมทูตคือ ซานาเอะ ฮาเนโคมะ โดยได้แฝงตัวเป็นเจ้าของร้านกาแฟในชิบุยะ คอยให้คำแนะนำผู้เล่นเกมยมทูตที่เพิ่งเข้าร่วมเกม และบันทึก “รายงานลับ" (Secret Reports) ที่จะได้รับมาเมื่อทำภารกิจเสริมหลังจากเล่นเกมจบหนึ่งรอบแล้ว

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวภายในเกมเป็นเรื่องราวของเนกุตลอด 3 สัปดาห์ที่เข้าร่วมเล่นเกมยมทูต โดยมีคู่หูในแต่ละสัปดาห์คือ ชิกิ โจชัว และบีท ในระยะแรกเนกุยังสับสนด้วยไม่รู้ว่าตนเองเสียชีวิตอย่างไรและเข้ามายัง UG ได้อย่างไร จนกระทั่งเมื่อเขาได้สานสัมพันธ์ต่อคู่หูและเริ่มเข้าใจในกฎของเกมยมทูต ก็เริ่มระลึกถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตของตนเองได้บ้างเล็กน้อย จนกระทั่งจำได้ว่าตนเองถูกโช มินามิโมโตะ ยมทูตตนหนึ่งที่ได้พบระหว่างเล่นเกม ยิงด้วยปืน หลังจากสัปดาห์แรก มีเพียงชิกิที่ได้รับเลือกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และเธอสัญญาว่าจะรอพบกับเนกุอีกครั้งที่รูปปั้นฮาจิโกะ[14][15] แต่เนื่องจากขณะนั้นชิกิคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเนกุ เธอจึงถูกใช้เป็นค่าเข้าร่วมเกมของเนกุในสัปดาห์ที่ 2 เมื่อเกมในสัปดาห์ที่ 2 สิ้นสุดลง โจชัวได้สละตนเองปกป้องเนกุจากระเบิดของมินามิโมโตะ

เนื่องจากเนกุและโจชัวทำผิดกฎของเกม เกมในสัปดาห์ที่ 2 จึงถือว่าเป็นโมฆะ เนกุถูกบังคับให้เข้าร่วมเล่นเกมอีกเป็นครั้งที่ 3 โดยค่าเข้าร่วมเล่นเกมครั้งนี้คือผู้เล่นคนอื่น ๆ ทุกคน ทำให้เนกุไม่สามารถทำข้อตกลงเป็นคู่หูกับผู้เล่นคนใดได้ และไม่สามารถต่อสู้กับนอยส์ได้ แต่บีทได้ออกจากการเป็นยมทูตมาสมทบกับเนกุ เนกุและบีทพบว่ายมทูตและคนทั้งหมดในชิบุยะสวมเข็มกลัดพิเศษสีแดงที่ทำให้ผู้สวมใส่มีความคิดเหมือนกันทั้งหมด ทั้งสองไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใด ๆ ในการดำเนินเกม แล้วได้เข้าไปยัง “แม่น้ำชิบุยะ” (Shibuya River) สถานที่ที่โจชัวเคยค้นหาเมื่อสัปดาห์ที่ 2 ที่นั่นทั้งสองได้พบกับเมงุมิ คิตานิจิ (Megumi Kitaniji) คอนดักเตอร์ของเกมยมทูต คิตานิจิอธิบายว่าได้สร้างเข็มกลัดสีแดงขึ้นเพื่อสร้างชิบุยะขึ้นมาใหม่ อันเป็นสิ่งที่คอมโพเซอร์ท้าประลองกับเขา ซึ่งหากเขาทำไม่สำเร็จชิบุยะจะถูกลบทิ้ง[16][17]

ในขณะนั้นโจชัวกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง และเปิดเผยว่าตนเองคือคอมโพเซอร์ โจชัวได้คืนความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์การเสียชีวิตให้เนกุ ทำให้เนกุจำได้ว่าโจชัวคือผู้ที่ยิงสังหารตนเอง เพื่อให้เป็นตัวแทนในการท้าประลองกับคิตานิจิ โดยที่ขณะนั้นมินามิโมโตะพยายามสังหารโจชัวในร่างมนุษย์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งคอมโพเซอร์ โจชัวได้ท้าประลองกับเนกุเป็นครั้งสุดท้ายด้วยปืน เพื่อตัดสินชะตากรรมของชิบุยะ เนกุรู้สึกสับสนจนไม่อาจยิงโจชัวได้ จึงถูกโจชัวยิง[18] ต่อมาเนกุพบว่าตนเองกลับมาอยู่ที่ scramble crossing โดยยังคงสับสนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

game's credits แสดงเหตุการณ์ใน 7 วันถัดมาเนกุไปพบกับบีท ไรม์ และชิกิ (ในรูปลักษณ์ที่แท้จริง) ที่รูปปั้นฮาจิโกะ สื่อให้เห็นว่าเนกุและเพื่อน ๆ ได้กลับมายัง RG ในที่สุด[19] รายงานลับที่จะได้รับหลังจากทำภารกิจเสริมหลังเล่นเกมจบ เปิดเผยว่า หลังจากโจชัวเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพของเนกุตลอดเวลาที่เล่นเกมยมทูต ได้ตัดสินใจปล่อยให้ชิบุยะยังคงอยู่ และเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่วิเศษแล้ว[20]

ระบบการเล่น

The World Ends with You เป็นเกมแนว action role-playing ที่แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 3 บทตามสัปดาห์ที่เนกุเล่นเกมยมทูต โดยที่แต่ละบทจะแบ่งย่อยออกตามแต่ละวันในสัปดาห์ ผู้เล่นจะบังคับเนกุและคู่หูให้ออกสำรวจในชิบุยะเพื่อทำภารกิจในแต่ละวันให้สำเร็จ แม้ว่าสำหรับเนกุและคู่หูแล้ว ภารกิจส่วนใหญ่จะถูกจำกัดเวลา แต่การจำกัดเวลานี้ไม่ได้มีผลถึงการเล่นเกมของผู้เล่น[21]

ชิบุยะแบ่งออกเป็นพื้นที่ต่าง ๆ มากมาย บางพื้นที่อาจไม่สามารถเข้าถึงได้ในเนื้อเรื่องวันใดวันหนึ่ง หรือถูกกำแพงปิดกั้นไว้ ซึ่งจะเปิดกำแพงได้โดยทำตามคำสั่งของยมทูตที่อยู่ใกล้กับกำแพง เช่น ลบสัญลักษณ์ของนอยส์ สวมใส่เสื้อผ้าตาม Brand ที่กำหนด, หรือหาไอเทมที่กำหนด เนกุสามารถ scan พื้นที่ต่าง ๆ ได้โดยใช้เข็มกลัดพิเศษ การ scan นี้จะแสดงให้เห็นความคิดของตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่นเกมยมทูตที่อยู่ใน Realground และทำให้ได้รับ memes ซึ่งอาจช่วยในการดำเนินเรื่อง[5] และยังแสดงให้เห็นสัญลักษณ์ของนอยส์ที่สุ่มปรากฏออกมาในพื้นที่ หรือในบางกรณีอาจพบอยู่ที่ตัวละครเฉพาะ ผู้เล่นจะเริ่มการต่อสู้ได้โดยเลือกสัญลักษณ์นอยส์ แต่ละสัญลักษณ์จะทำให้เกิดฉากต่อสู้ 1 ครั้ง ถ้าเลือกสัญลักษณ์นอยส์มากกว่า 1 อัน ในครั้งเดียว จะทำให้เกิดฉากต่อสู้ติดต่อกันมากกว่าหนึ่งครั้ง ซึ่งจะมีความยากมากขึ้นในแต่ละครั้ง แต่เมื่อจบการต่อสู้ก็จะได้รับรางวัลในระดับสูงมากขึ้น การปรับระดับความยากของนอยส์และพลังชีวิตของเนกุและคู่หูก็จะทำให้ค่าประสบการณ์และไอเทมที่ได้รับหลังจบการต่อสู้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน[22]

แต่ละพื้นที่ของชิบุยะจะมีกระแสแฟชั่นที่มีผลต่อการเล่นเกม การสวมใส่เข็มกลัดหรือเสื้อผ้าของ brand ได้รับความนิยมมากในพื้นที่นั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ในทางตรงกันข้าม หากสวมใส่ไอเทมที่ตามกระแสน้อยที่สุดในพื้นที่ ก็จะลดประสิทธิภาพของไอเทมนั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นสามารถเพิ่มความนิยมใน brand ในแต่ละพื้นที่ได้โดยสวมใส่ไอเทมที่เป็น brand นั้น ๆ แล้วเข้าฉากต่อสู้ในพื้นที่นั้นหลาย ๆ ครั้ง[5] ผู้เล่นสามารถซื้อเข็มกลัด เสื้อผ้า และอาหารใหม่ ๆ ได้จากร้านค้า โดยเมื่อตัวละครใช้ไอเทมประเภทอาหารแล้วเข้าฉากต่อสู้เพื่อให้อาหารย่อย จะช่วยเพิ่มค่าสถานะพื้นฐานของตัวละครเมื่ออาหารย่อยหมดแล้ว[5]

หลังจากเล่นเกมจบแล้วหนึ่งรอบ ผู้เล่นสามารถกลับไปเล่นในเนื้อเรื่องของวันใดก็ได้ โดยยังคงมีค่าสถานะและไอเทมเหมือนขณะที่เล่นเกมจบ เมื่อทำภารกิจในเนื้อเรื่องแต่ละวันได้สำเร็จอีกครั้ง จะได้รับ “รายงานลับ” ที่จะเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังของเกม[23] และยังสามารถเลือกเล่นเนื้อเรื่องในส่วน “Another Day” ได้จากหน้ารายการเลือก ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องเสริมที่อธิบายเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก นอกจากนี้ The World Ends with You ยังมี minigame ที่เรียกว่า Tin Pin Slammer (หรือ Marble Slash) ที่สามารถเล่นแข่งขันกับคอมพิวเตอร์ หรือกับผู้เล่นไม่เกิน 3 คนที่เชื่อมต่อสัญญาณไร้สายร่วมกัน Tin Pin Slammer คล้ายคลึงกับ marble game ringer โดยผู้เล่นจะใช้เข็มกลัดของตนเองโจมตีเข็มกลัดของคู่ต่อสู้ให้ออกจากกระดานเกม

เข็มกลัด

ส่วนสำคัญของ The World Ends with You คือ psych pins ซึ่งเป็นเข็มกลัดประดับที่มีพลังที่เนกุสามารถใช้ได้เพียงผู้เดียวขณะสวมใส่ psych pins จะใช้ในการต่อสู้ ใน “Tin Pin Slammer/Marble Slash” หรือใช้สำหรับแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เข็มกลัดส่วนใหญ่จะมีพลังมากขึ้นเมื่อผู้เล่นได้รับ “Pin Points” (PP) โดยเฉพาะเข็มกลัดที่ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งจะทำให้เข็มกลัดมีวิวัฒนาการไปเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น Pin Points จะได้รับหลังจบการต่อสู้ ได้รับในระหว่างที่ไม่ได้เล่นเกม หรือโดยการเชื่อมต่อกับเครื่องดีเอสเครื่องอื่น ๆ หรือแหล่งสัญญาณไร้สายบางแหล่ง[5]

การต่อสู้

เนกุและชิกิต่อสู้กับนอยส์ในพื้นที่ที่แตกต่างกันใกล้กับสถานที่เดียวกัน psych pins ของเนกุจะแสดงบนมุมซ้ายบนของจอล่าง และระบบการ์ดของชิกิจะแสดงที่ส่วนล่างของจอบน ตัวละครทั้งสองใช้แถบพลังชีวิตร่วมกัน โดยแสดงบนทั้งสองจอที่ด้านขวา

ระบบการต่อสู้ของเกมนี้เรียกว่า Stride Cross Battle System ฉากการต่อสู้จะแสดงผลบนจอภาพทั้งสองจอของดีเอส โดยส่วนของเนกุจะแสดงบนจอสัมผัส และส่วนของคู่หูจะแสดงบนจอบน สื่อถึงพื้นที่ที่แตกต่างกันในสถานที่เดียวกัน ซึ่งตัวละครทั้งสองจะต้องต่อสู้กับศัตรูเดียวกันที่มีตัวตนอยู่ในทั้งสองพื้นที่ในเวลาเดียวกัน ระบบการต่อสู้ของเนกุและคู่หูจะมีความสอดคล้องกัน กล่าวคือ ใช้แถบพลังชีวิตร่วมกัน ซึ่งหากตัวละครตัวใดตัวหนึ่งได้รับความเสียหายมากเกินไป ตัวละครทั้งสองจะแพ้ในการต่อสู้ แม้ว่าตัวละครอีกตัวหนึ่งจะไม่ถูกศัตรูโจมตีเลยก็ตาม[5] "light puck" สีเขียวจะปรากฏขึ้นระหว่างตัวละครทั้งสองขณะต่อสู้ เมื่อตัวละครมี puck นี้เกิดขึ้น พลังโจมตีจะเพิ่มมากขึ้น การเคลื่อนไหวของ light puck นี้ขึ้นอยู่กับ "sync ratio" ระหว่างเนกุและคู่หู ยิ่งตัวละครมี sync ratio มาก puck จะยิ่งคงอยู่ได้นานมากขึ้น ผู้เล่นสามารถสวมใส่เสื้อผ้าให้เนกุและคู่หูเพื่อปรับเปลี่ยนค่าความเร็วของ light puck ได้[21]

ผู้เล่นจะควบคุมเนกุด้วยการเคลื่อนไหว stylus บนจอสัมผัสตามที่กำหนดไว้ที่เข็มกลัดที่สวมใส่ การเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจเป็นการฟันที่ตัวศัตรู แตะจอหลายครั้งติดต่อกันเพื่อยิงกระสุน หรือแตะตัวศัตรูค้างไว้เพื่อสร้างความเสียหาย และมีเข็มกลัดบางชนิดที่จะใช้งานได้โดยแตะเลือกเข็มกลัดนั้น ๆ ขณะต่อสู้ เช่น เข็มกลัดสำหรับฟื้นฟูพลังชีวิต[5] เข็มกลัดแต่ละชนิดจะมีจำนวนครั้งที่ใช้ได้จำกัด เมื่อใช้ครบตามที่กำหนดไว้แล้ว จะต้องใช้เวลาปลุกพลังขณะต่อสู้ระยะหนึ่ง แต่เข็มกลัดบางชนิดเมื่อใช้ครบจำนวนครั้งแล้วจะไม่สามารถปลุกพลังอีกเลยจนกว่าการต่อสู้จะจบลง เมื่อแรกเริ่มเกมเนกุจะสวมใส่เข็มกลัดได้เพียงสองอัน แต่สามารถยกระดับให้สามารถสวมใส่ได้สูงสุดถึงหกอัน[21]

ผู้เล่นสามารถบังคับคู่หูของเนกุบนจอบนหรือปล่อยให้คอมพิวเตอร์ควบคุมเองก็ได้ คู่หูของเนกุจะมีกลไกแบบการ์ดเกม ตัวอย่างเช่น การ์ดเกมของชิกิจะต้องจับคู่ Zenar card ที่คว่ำอยู่[5] คู่หูสามารถโจมตีแบบพื้นฐานได้โดยกดปุ่มลูกศรตามที่แสดงบนจอบนตามลำดับเพื่อเลือกการ์ด เมื่อบังคับปุ่มลูกศรไปจนถึงการ์ดที่ตรงตามกฎของการ์ดเกม ผู้เล่นจะได้รับสัญลักษณ์รูปดาว เมื่อได้รับสัญลักษณ์ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ จะสามารถใช้ท่าโจมตี "Fusion" ที่เนกุและคู่หูจะโจมตีร่วมกัน โดยกดเลือก "Harmonizer Pin" ที่ปรากฏขึ้นที่มุมขวาบนของจอสัมผัส[5] และผู้เล่นยังสามารถบังคับให้ตัวละครคู่หูหลบหลีกการโจมตีของศัตรูได้อีกด้วย[5]

การพัฒนา

The World Ends with You พัฒนาโดยทีมพัฒนาเดียวกับที่สร้างซีรีส์ คิงดอมฮารตส์ ร่วมกับบริษัท Jupiter ที่พัฒนา Kingdom Hearts: Chain of Memories การพัฒนาเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีครึ่งก่อนวางจำหน่ายฉบับภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พัฒนา คิงดอมฮารตส์ II และการพัฒนา Kingdom Hearts: Chain of Memories ได้เสร็จสิ้นแล้ว[24] ขณะนั้นนินเทนโดได้ประชาสัมพันธ์เครื่องดีเอส แต่ยังไม่ได้วางจำหน่าย สแควร์เอนิกซ์ได้มอบหมายให้ทีมพัฒนาสร้างเกมสำหรับเครื่องเล่นขนาดพกพาโดยเฉพาะ[24] ทีมงานสร้างเกมอันประกอบไปด้วย ทัทสึยะ คันโดะ (ผู้กำกับ) โทะโมะฮิโระ ฮะเซะงะวะ (co-director) ทะเคะชิ อะระคะวะ (planning director) และเท็ทสึยะ โนะมุระ (ออกแบบตัวละคร) มีโอกาสได้ลองใช้เครื่องดีเอสภายในงาน "Touch DS" เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547[25] จากการทดลองใช้ครั้งนั้น ทีมงานได้นึกถึงการนำรูปแบบการเล่นของ Chain of Memories มาประยุกต์เข้ากับเครื่องดีเอส โดยจอล่างจะแสดงผลส่วนของการ์ดเกม และจอบนแสดงส่วนของ action role-playing game เมื่อเริ่มพัฒนาเกม ทีมผู้พัฒนาต้องการให้เกมที่กำลังสร้างนี้ใช้จอสัมผัสมากขึ้น เพื่อสร้าง "เกมที่สามารถเล่นได้บนเครื่องดีเอสเท่านั้น"[25] แต่ก็ต้องพบปัญหาที่ว่า เมื่อมุ่งให้ความสำคัญกับจอสัมผัสมาก จอบนจะถูกมองข้าม จากจุดนี้จึงเกิดความคิดที่จะสร้างระบบการต่อสู้ที่ใช้จอภาพทั้งสองพร้อม ๆ กัน[25] ทีมผู้พัฒนาได้ทดลองทางเลือกมากมายสำหรับเกมส่วนของจอบน อย่างเช่น การต่อสู้แบบใช้คำสั่ง หรือเกมดนตรี แต่เมื่อลองพิจารณาจากมุมมองของผู้เล่นแล้ว ท้ายที่สุดจึงใช้ระบบการ์ดเกมสำหรับให้ผู้เล่นเลือกควบคุมเกมได้ตามที่ต้องการ[26] แม้เมื่อสร้างเกมฉบับภาษาญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ทีมงานยังคงเกรงว่าระบบสองจอภาพจะยุ่งยากเกินไปสำหรับผู้เล่นในต่างประเทศ และได้เปลี่ยนกลไกการ์ดเกมให้เป็น special meter ที่จะมีค่าคะแนนเพิ่มมากขึ้นจากการโจมตีธรรมดาของเนกุ แต่ส่วนนี้ไม่สามารถทำได้เสร็จสิ้นทันการวางจำหน่าย[26] อย่างไรก็ตาม ทีมงานสามารถแก้ไขส่วนของ Tutorial ขณะเริ่มต้นเล่นเกมในฉบับอเมริกาเหนือที่มีข้อความมากเกินไปได้ ซึ่งช่วยลดปริมาณการแสดงผลข้อความ และทำให้ผู้เล่นสามารถข้าม Tutorial ไปได้ ส่วนของระบบ "Active Encounter" ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าสู่ฉากต่อสู้เมื่อไรและอย่างไร ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้เกมน่าเบื่อมากเกินไป ซึ่งเป็นปัญหาที่พบในระบบ RPG ส่วนใหญ่[26] และทีมงานยังได้พัฒนากลไกที่ทำให้สามารถ scan ตัวละครที่ไม่สามารถบังคับได้ เพื่ออ่านความคิดตัวละครเหล่านั้น แต่ขณะนั้นยังไม่สามารถนำระบบใส่เข้าไปในเกมได้[26]

บรรยากาศในเกมส่วนใหญ่จำลองมาจากย่านชิบุยะของจริง โดยนำเสนอ scramble crossing ใกล้กับ the 109 department store (ด้านซ้ายในภาพ) เป็นจุดสำคัญ และนำไปใช้เป็นภาพฉากหลังบนปกเกม

ในการทำให้เกมมีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ผู้ออกแบบจึงต้องการจำลองสถานที่จริงมาสร้างเป็นบรรยากาศในเกม[25] ในระยะแรกได้วางแผนว่าจะจำลองจากสถานที่หลายแห่งทั่วโลก ต่อมาได้จำกัดการเลือกสถานที่ให้อยู่เฉพาะในเมืองที่ต้องการเพื่อให้สามารถสร้างบรรยากาศได้อย่างสมจริงที่สุด ในที่สุดในปีแรกของขั้นตอนการพัฒนา คนโดะได้ตัดสินใจเลือกชิบุยะเป็นสถานที่หลัก กระนั้นก็ยังมีความกังวลว่าผู้เล่นในต่างประเทศจะไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศภายในเกม[26] ทีมงานต้องการให้ยืนยันได้ว่าเกมจะนำเสนอบรรยากาศของชิบุยะได้อย่างสมจริง[25] จึงออกถ่ายภาพเมืองตามดาดฟ้าอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต[27] แล้วจำลองแบบแผนผังชิบุยะสำหรับเกม โดยยังคงสถานที่สำคัญในโลกจริงไว้ แต่ได้เปลี่ยนชื่อร้านค้าและอาคารต่าง ๆ ด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์ ตัวอย่าง 109 Building ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "104 Building" ขณะที่ร้านสตาร์บัคส์ที่อยู่ติดกับ scramble crossing ซึ่งเป็นสาขาที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดแห่งหนึ่ง เปลี่ยนชื่อเป็น "Outback Cafe"[5][26][28][29][30] ความสำเร็จของเกมทำให้แฟนเกมออกสำรวจย่านชิบุยะเพื่อชมสถานที่จริงที่ถูกจำลองลงในเกม[26] นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ในเกมอย่างเช่น อาหาร เสื้อผ้า หรือการใช้โทรศัพท์มือถือ ก็นำ selection ของย่านชิบุยะมาใช้ในเกมเช่นกัน[28] แรกเริ่มนั้นทีมงานมีความคิดที่จะใช้ภาพเขียนตามกำแพงสาธารณะที่มีอยู่ทั่วไปในชิบุยะมาใช้เป็นแหล่งการใช้พลังต่าง ๆ ในเกมของผู้เล่น แต่เนื่องจากส่วนนี้แสดงผลได้ยาก จึงเปลี่ยนเป็นการสร้าง psych pins ขึ้นแทน

ทีมงานตัดสินใจสร้างเกมด้วยกราฟิกสองมิติแทนที่จะเป็นสามมิติ เนื่องจากเชื่อว่าจะสร้างความแตกต่างของเกมนี้จากเกมอื่นของ สแควร์เอนิกซ์ และยังนำเสนอจินตนาการของเกมได้มากกว่า[26] ในขั้นตอนแรกซึ่งเป็นการสร้างรูปแบบศิลปะสำหรับเกม ทะคะยุกิ โอดะจิ background art director มีความคิดว่าบรรยากาศสมัยใหม่จะทำให้เกมน่าเบื่อเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้จึงออกแบบกราฟิกของชิบุยะให้มีลักษณะเอนเอียงและเป็นเหลี่ยมมุม ซึ่ง Creative team คนอื่นก็พบว่าวิธีนี้ทำให้กราฟิกกลมกลืนกับเกมได้เป็นอย่างดี[27] สำหรับฉากต่อสู้นั้น ฉากหลังของจอบนจะออกแบบเพื่อเน้นความน่าสนใจของภาพ ขณะที่ฉากหลังของจอสัมผัสด้านล่างจะออกแบบเพื่อเน้นระบบการเล่น[31] Ohdachi ยังได้ทำหน้าที่ออกแบบอาร์ตเวิร์กสำหรับ psych pins และผสมผสานศิลปะประชานิยมเข้ากับ tribal design สำหรับกราฟิกในหลาย ๆ ส่วน[27] ในส่วนของการออกแบบตัวละครเป็นหน้าที่ของเท็ทสึยะ โนะมุระ และ Gen Kobayashi[32] ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของโตเกียวในโลกจริง ต่อมาจึงออกเสื้อผ้าโดยยึดตามบุคลิกของตัวละคร[33] โคะบะยะชิยังได้ทำหน้าที่ออกแบบตัวละครที่บังคับไม่ได้ และบันทึกการนำภาพร่างออกแบบมาสร้างเป็นตัวละครที่สมบูรณ์[34] ฮะเซะงะวะทำหน้าที่ออกแบบนอยส์ โดยต้องการทำให้มีลักษณะที่เป็นสิ่งมีชีวิตก่อนที่จะเน่าเปื่อยเป็นกระดูก[27] และเพื่อให้แสดงออกถึงอารมณ์ของมนุษย์ จึงเลือกใช้สิ่งมีชีวิตที่สื่อถึงความรู้สึก เช่น หมาป่า หรืออีกา[27] การนำเสนอรูปแบบของนอยส์ภายในเกมจะต้องวาด 2D sprites จากหลาย ๆ มุมเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวบนจอภาพ รวมทั้งใช้ rotoscoping บน pre-rendered sprites[27] และ สแควร์เอนิกซ์ ต้องประชุมกับ Jupiter หลายครั้งเพื่อยืนยันว่า sprite สอดคล้องกับรูปแบบของเกม ซึ่งคันโดะต้องเดินทางระหว่างโตเกียวและเกียวโตเป็นเวลา 2 ชั่วโมงทุกสัปดาห์เพื่อตรวจสอบการทำงานในส่วนนี้[26]

นอกจากการสร้างเนื้อเรื่องของเกมให้ผู้เล่นรู้สึกถึงภาวะฉุกเฉินและปริศนา ผู้พัฒนายังต้องการนำผู้เล่นไปสู่สถานการณ์ที่ถูกจำเป็นต้องกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีคำอธิบาย[27] เริ่มจากสร้างแผนร่างเบื้องต้นของโครงเรื่อง และส่งต่อให้ซะจิเอะ ฮิระโนะ ผู้เขียนบท และยุคะริ อิชิดะ scenario event planer นำไปขยายความต่อ ผลที่ได้นั้นใกล้เคียงกับ initial vision ของเนื้อเรื่องของเกม[27] แต่ยังมีความยากในการแต่งเติมเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์ แม้ว่าการพัฒนาจะเป็นไปอย่างราบรื่นประมาณครึ่งหนึ่งของกระบวนการแล้ว ก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลต่อการสร้าง Master image ของเกม[26] ในระหว่างการตรวจสอบคุณภาพครั้งสุดท้ายได้พบจุดที่ไม่สอดคล้องกันในเนื้อเรื่องซึ่งจำเป็นต้องแก้ไข[26] และขณะที่ทีมงาน localization ของ สแควร์เอนิกซ์ แปลบทสนทนาและ Interface items ส่วนใหญ่ให้เป็นภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ ในยุโรป ก็ยังต้องคงส่วนประกอบที่เป็นภาษาญี่ปุ่นจำนวนมากไว้ดังเดิมเพื่อไม่ให้เสียวัฒนธรรมของเกม[35] อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องขนาดของกรอบสนทนาที่ใช้ในเกม ซึ่งต้องปรับปรุงแก้ไขหลายขั้นตอนเพื่อไม่ให้เสียการสื่อความหมายของเนื้อเรื่อง[35]

ชื่อเกมในภาษาญี่ปุ่นแปลตามตัวอักษรได้ว่า It's a Wonderful World แต่ไม่ได้ใช้คำแปลนี้เป็นชื่อเกมสำหรับวางจำหน่ายในต่างประเทศเนื่องจากปัญหาด้านลิขสิทธิ์[35][36] ดังนั้นจึงตั้งชื่อเกมว่า The World Ends With You สำหรับวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือและยุโรป สแควร์เอนิกซ์ ได้ประกาศการสร้างเกมนี้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2549[37] และสองสัปดาห์ต่อมาได้เปิดตัวในงาน 2006 Tokyo Game Show[32] ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 สแควร์เอนิกซ์ ประกาศว่าเกมนี้จะวางจำหน่ายในยุโรปและออสเตรเลียในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551[38] และวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ได้ประกาศว่าจะวางจำหน่ายในอเมริกาเหนือในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2551[39]

ในการวางจำหน่ายในญี่ปุ่นนั้น บริษัทนินเทนโดได้สร้าง Nintendo DS Lite สีเงินวาว "Wonderful World" edition ขึ้นมาเป็นพิเศษและวางจำหน่ายพร้อมกับเกม[40] ขณะที่ชิโระ อะมะโนะ ได้นำเนื้อเรื่องของเกมในช่วงแรกไปเขียนเป็น two-chapter one-shot manga ตีพิมพ์ลงใน Monthly Shōnen Gangan สองฉบับ และทางเว็บไซต์ของ Square Enix Members เพื่อเผยแพร่ในอเมริกาเหนือ[41]

เพลงประกอบ

ผู้แต่งและควบคุมเพลงประกอบของ The World Ends with You คือทะเคะฮะรุ อิชิโมะโตะ โดยที่ดนตรีภายในเกมจะผสมผสานจากหลายแนว ทั้งร็อค ฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกา เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่หลากหลายของชิบุยะ[26] สำหรับเพลงประกอบที่เปิดระหว่างแสดงรายชื่อทีมงานเมื่อเล่นเกมจบ มีชื่อว่า Lullaby For You แต่งและขับร้องโดย Jyongri ศิลปินเพลงป๊อปญี่ปุ่น ส่วนนักร้องคนอื่นๆที่ร่วมขับร้องเพลงประกอบของเกม ประกอบด้วย Sawa, มะกิโกะ โนะดะ, Leah, อะยุโกะ ทะนะกะ, ไม มัทสึดะ, Wakako, Hanaeryca, Cameron Strother, Andy Kinlay, Nulie Nurly, และ Londell "Taz" Hicks[42] ทางผู้พัฒนาได้ใช้ Kyuseishu Sound Streamer ของ CRI Middleware ซึ่งเป็น compression algorithm ที่ปกติแล้วจะใช้สำหรับ voice-overs นำมาใช้บีบอัดเพลงประกอบเพื่อให้ใส่เพลงลงในเกมได้มากขึ้น รวมทั้งได้ใช้ภาพเคลื่อนไหวแบบ Flash แทน full motion video cutscenes เพื่อประหยัดเนื้อที่ของเกม ในที่สุดหลังจากแต่งเพลงประกอบและใส่ลงในเกมแล้ว พบว่าเพลงประกอบใช้เนื้อที่จัดเก็บไปประมาณ 1 ใน 4 ของเนื้อที่เกม[26]

อัลบั้มรวมเพลงประกอบอย่างเป็นทางการ ใช้ชื่อว่า The World Ends with You Original Soundtrack (ญี่ปุ่น: すばらしきこのせかい ORIGINAL SOUNDTRACKโรมาจิSubarashiki Kono Sekai Original Soundtrackทับศัพท์: meaning "It's a Wonderful World Original Soundtrack") วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2550[42] และมีจำหน่ายทางเว็บไซต์ iTunes Stores ที่เป็นภาษาอังกฤษ[43] อย่างไรก็ตามอัลบั้มที่วางจำหน่ายนี้ไม่มีเพลง 4 เพลงที่มีอยู่เฉพาะในอัลบั้มพิเศษสำหรับจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ แต่ละประเทศโดยเฉพาะ

The World Ends with You Original Soundtrack
ลำดับชื่อเพลงยาว
1."It's So Wonderful"1:39
2."Twister" (ขับร้องโดย Sawa)1:17
3."Underground" (ขับร้องโดย Nulie Nurly)0:49
4."Long Dream" (ขับร้องโดย มะกิโกะ โนะดะ)3:12
5."Calling" (ขับร้องโดย Leah)3:25
6."Despair"0:27
7."Hybrid" (ขับร้องโดย Sawa)3:04
8."Fighting For Freedom"2:06
9."オーパーツ" ("Ooparts"; ขับร้องโดย อะยุโกะ ทะนะกะ และไม มัทสึดะ)3:34
10."Forebode"0:28
11."Give Me All Your Love" (ขับร้องโดย Wakako)4:21
12."サムデイ" ("Someday"; ขับร้องโดย Sawa)3:40
13."Satisfy" (ขับร้องโดย อะยุโกะ ทะนะกะ)4:01
14."Someday" (ขับร้องโดย Hanaeryca)3:39
15."ツイスター" ("Twister"; ขับร้องโดย ไม มัทสึดะ)3:38
16."Let's Get Together"0:17
17."Slash and Slash" (renamed "Slam Brothers" in the international game release)1:03
18."Amnesia"0:49
19."Rush Hour"0:34
20."imprinting"1:07
21."オワリハジマリ" ("Owari-Hajimari," Japanese for "Ending-Beginning"; ขับร้องโดย Cameron Strother)2:17
22."psychedelic"2:24
23."Game Over" (ขับร้องโดย Andy Kinlay)2:50
24."Dancer In The Street"0:34
25."ハイブリッド" ("Hybrid"; ขับร้องโดย Nulie Nurly)3:05
26."Detonation" (ขับร้องโดย Londell "Taz" Hicks)2:33
27."Black Market"0:33
28."Junk Garage"1:27
29."It Is Fashionable"0:34
30."Noisy Noise"2:14
31."Economical Shoppers"0:28
32."Shibuya"2:08
33."Make or Break" (ขับร้องโดย Hanaeryca)4:08
34."Twister-Remix" (ขับร้องโดย ไม มัทสึดะ)4:32
35."Emptiness and" (unnamed bonus track; the title is taken from the game)3:03
36."Twister-Gang-Mix" (ขับร้องโดย MJR; bonus track on the iTunes Store release)3:31

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551 สแควร์เอนิกซ์ ได้ออก EP ดิจิทัลทั้งหมด 6 เพลงในชื่อว่า Subarashiki Konosekai + The World Ends with You (ญี่ปุ่น: すばらしきこのせかい + The World Ends with YouโรมาจิSubarashiki Kono Sekai + The World Ends with Youทับศัพท์: meaning "It's a Wonderful World + The World Ends with You") จำหน่ายทางเว็บไซต์ iTunes Store ภาษาญี่ปุ่น EP นี้ประกอบด้วย 4 เพลงที่มีเฉพาะในเกมฉบับจำหน่ายในต่างประเทศ รวมทั้งเพลง "Owari-Hajimari" ฉบับภาษาอังกฤษ และเพลง "Twister" ฉบับเรียบเรียงใหม่ ต่อมาในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ได้ออกอัลบั้มเต็ม 19 เพลงในชื่อเดียวกันเป็นแผ่นซีดีและจำหน่ายทางเว็บไซต์ iTunes Store เช่นกัน[44]

Subarashiki Konosekai + The World Ends with You – EP
ลำดับชื่อเพลงยาว
1."Déjà Vu" (ขับร้องโดย Joanna Koike)4:07
2."Three Minutes Clapping" (ขับร้องโดย J.D. Camaro)3:10
3."The One Star" (ขับร้องโดย Cameron Strother)3:26
4."Owari-Hajimari" (ขับร้องโดย Cameron Strother)2:23
5."Transformation" (ขับร้องโดย Andy from "Sixpin")3:21
6."Twister -The Twisters-" (ขับร้องโดย MJR & Sawa)4:10


Subarashiki Konosekai + The World Ends with You (album version)
ลำดับชื่อเพลงยาว
1."Twister -Original ver-" (ขับร้องโดย Sawa)2:14
2."Calling -1960s-" (ขับร้องโดย Leah)4:04
3."Give Me All You Love -All my love-" (ขับร้องโดย Wakako)4:19
4."Long Dream -1980s-" (ขับร้องโดย มะกิโกะ โนะดะ)3:37
5."サムデイ -Unplugged-" ("Someday"; ขับร้องโดย Sawa)4:37
6."Make or Break -Black box-" (ขับร้องโดย Hanaeryca)4:10
7."Game Over -Busy Dizzy and Lazy-" (ขับร้องโดย Andy Kinlay)2:53
8."オーパーツ -Give me a chance-" ("Ooparts"; ขับร้องโดย อะยุโกะ ทะนะกะ และไม มัทสึดะ)3:59
9."ハイブリッド -New born-" ("Hybrid"; ขับร้องโดย Nulie Nurly)4:09
10."Twister -That Power is Yet Unknown-" (ขับร้องโดย Sawa)3:56
11."Déjà vu" (ขับร้องโดย Joanna Koike)4:10
12."Transformation" (ขับร้องโดย Andy from "Sixpin")3:26
13."Three Minutes Clapping" (ขับร้องโดย J.D. Camaro)3:15
14."Twister-Gang-Mix" (ขับร้องโดย MJR)3:35
15."The One Star" (ขับร้องโดย Cameron Strother)3:35
16."Owari-Hajimari" (ขับร้องโดย Cameron Strother)3:30
17."Three Minutes Clapping -Live-" (ขับร้องโดย J.D. Camaro)3:22
18."Transformation -Transformed-" (ขับร้องโดย Andy from "Sixpin")3:45
19."Déjà vu -Discoteque-" (ขับร้องโดย Joanna Koike)4:49

กระแสตอบรับ

การตอบรับ
คะแนนรวม
ผู้รวมคะแนน
เกมแรงกิงส์89%[54]
เมทาคริติก89/100[55]
คะแนนปฏิทรรศน์
สิ่งพิมพ์เผยแพร่คะแนน
เอดจ์8/10[45]
อิเล็กทรอนิกเกมมิงมันทลีA-, A-, B[46]
ยูโรเกมเมอร์8/10[21]
แฟมิซือ35/40[47][48]
เกมอินฟอร์เมอร์8.25/10[49]
เกมเรโวลูชันA-/A+[50]
เกมสปอต9.0/10[51]
ไอจีเอ็น9/10[5]
นินเท็นโดเพาเวอร์9/10[52]
เอ็กซ์-เพลย์5/5[53]


The World Ends with You ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกจากสื่อหลายสำนัก ตัวอย่างเช่น นิตยสาร Game Informer ยกให้เป็นสุดยอดเกมบนเครื่องเล่นพกพาประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 ขณะที่เว็บไซต์ IGN ยกให้เป็น Editor's Choice และสุดยอดเกมบนเครื่อง DS ประจำเดือนเมษายนในปีเดียวกัน[56] นอกจากนี้เกมยังประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่าย โดยในญี่ปุ่นมียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับที่ 2 ในบรรดาเกมบนเครื่อง DS ในระหว่างสัปดาห์ของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550[57] และเมื่อถึงสิ้นปี เกมมียอดจำหน่ายรวมทั้งปีในญี่ปุ่นเกือบ 193,000 ตลับ[58] สำหรับในอเมริกาเหนือ เกมมียอดจำหน่ายทั้งในสัปดาห์ที่เริ่มจำหน่ายและอีก 2 สัปดาห์ถัดมาสูงที่สุดในบรรดาเกมบนเครื่อง DS[59][60] และมียอดจำหน่ายระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 อยู่ที่ 43,000 ตลับ[61] จนกระทั่งจำหน่ายได้หมดเมื่อถึงกลางเดือนพฤษภาคม[62] และต้องนำเข้ามาจำหน่ายในอเมริกาเหนือเป็นครั้งที่สองในกลางเดือนมิถุนายน[63] เมื่อถึงวันที่ 30 กันยายนในปีเดียวกัน The World Ends with You มียอดจำหน่ายในอเมริกาเหนือรวมแล้ว 140,000 ตลับ และในยุโรป 20,000 ตลับโดยประมาณ[64]

นักวิจารณ์หลายคนชื่นชมที่เกมนี้แสดงความแตกต่างจากเกมยอดนิยมอื่น ๆ ของสแควร์เอนิกซ์ อย่างซีรีส์ ไฟนอลแฟนตาซี และ คิงดอมฮาร์ตส์[5][56] รวมทั้งในด้านการนำเสนอกราฟิกและเพลงประกอบ[5][21][51] ขณะเดียวกันก็มีความคิดเห็นว่าเมื่อมองดูครั้งแรกจะเห็นว่าตัวละครออกแบบมาคล้ายกับเกมอื่น ๆ ของสแควร์เอนิกซ์ มากเกินไป ซึ่งบางคนไม่พอใจในส่วนนี้[22][51] แม้ว่าเมื่อตัวละครเหล่านี้อยู่ในบรรยากาศของชิบุยะแล้วจะดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนเกมอื่นก็ตาม[22] อีกทั้งสื่อบางสำนักก็ติงว่าระบบการต่อสู้แบบ Stride Cross นั้นซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้เล่นมือใหม่[22] โดยเว็บไซต์ Eurogamer ได้วิจารณ์ว่าการเรียนรู้ระบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเล่นเกมนี้[21] ขณะที่นิตยสาร Gamepro ได้วิจารณ์ว่าการควบคุมท่าโจมตีด้วย Stylus นั้นมีความคลุมเครือ และทำให้บังคับการเคลื่อนไหวและการโจมตีผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง[65] แต่ในอีกด้านหนึ่ง ระบบนี้ก็ได้รับคำชมในด้านวิธีการเล่นและความสามารถปรับความยากของระบบภายในเกม[22][51] นอกจากนี้ คำวิจารณ์ในเว็บไซต์ 1UP.com ได้กล่าวถึงเกมนี้ไว้ว่า "ความจริงแล้วเกมนี้น่าจะดูน่ารำคาญ เต็มไปด้วยปริศนาที่น่าเบื่อหน่าย และซ้ำซากกับเกมอื่น ๆ ของสแควร์เอนิกซ์ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ที่น่าจะทำให้ทนเล่นเกมไม่ได้กลับประกอบขึ้นเป็นเกมที่มีเอกลักษณ์ น่าสนใจ และทำให้ติดใจได้มากกว่าที่คิดไว้"[22]

The World Ends with You ได้รับรางวัลมากมายจากเว็บไซต์ IGN ได้แก่ best Nintendo DS role-playing game[66], best story for a Nintendo DS game[67], best new IP for the DS[68], และเกม Nintendo DS ยอดเยี่ยมแห่งปี[69] นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล best original score for a Nintendo DS game[70] และ best artistic design for a Nintendo DS game[71]

อนิเมะดัดแปลง

เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู ฉบับอนิเมะ
すばらしきこのせかい The Animation
(Subarashiki Kono Sekai Ji Animēshon)
ชื่อภาษาอังกฤษThe World Ends with You: The Animation
สร้างโดยSquare Enix
อนิเมะโทรทัศน์
กำกับโดยคาซูยะ อิจิกาวะ
เขียนบทโดยมิโดริ โกโต
ดนตรีโดยทาเกฮารุ อิชิโมโตะ
สตูดิโอDOMERICA
Shin-Ei Animation
เครือข่ายJNN (MBS, TBS)
ฉาย 10 เมษายน พ.ศ. 2564 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564
ตอน12

ได้มีการเผยเว็บไซต์ของอนิเมะดัดแปลงจากเกมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2563 และประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ในชื่อว่า เดอะเวิลด์เอนส์วิทยู ฉบับอนิเมะ ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนถึง 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ทางผังรายการ Super Animeism ของช่อง MBS และ TBS[72][73][74][75][76][a] อนิเมะสร้างโดยความร่วมมือของ Square Enix, DOMERICA, และ Shin-Ei Animation ซีรีส์อนิเมะกำกับโดยคาซูยะ อิจิกาวะ เขียนบทดัดแปลงจากเกมโดยมิโดริ โกโต ออกแบบตัวละครโดยเท็ตซึยะ โนมูระและเก็น โคบายาชิ รับผิดชอบดนตรีประกอบโดยทาเกฮารุ อิชิโมโตะ โปรดิวเซอร์เกมโทโมฮิโกะ ฮิราโนะและผู้กำกับเกมทัตสึยะ คังโดะเป็นผู้กำกับดูแล

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน

🔥 Top keywords: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลหน้าหลักพระสุนทรโวหาร (ภู่)องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024สไปร์ท (แร็ปเปอร์)ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024พุ่มพวง ดวงจันทร์ดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อีดิลอัฎฮาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวราชวงศ์จักรีลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทยรายชื่อตัวละครในพระอภัยมณีหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคลทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลพระอภัยมณีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคลหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรหลานม่าอริยสัจ 4ตารางธาตุนิราศภูเขาทองรายชื่อเครื่องดนตรีเฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชคประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาปิติ ภิรมย์ภักดีวอลเลย์บอลวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย