โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล (อังกฤษ: Chaiyabhum Bhakdeechumphon School) เป็นโรงเรียน

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
Chaiyaphum Bhakdeechumphon School (C.B.)
ที่ตั้ง
แผนที่
19 ถนนบรรณาการ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ รหัสไปรษณีย์ 36000 15°48′23″N 102°01′59″E / 15.806294°N 102.03295°E / 15.806294; 102.03295
ข้อมูล
ประเภทโรงเรียนรัฐบาล
คำขวัญนตฺถิ ปญฺญา สมา อาภา
(แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี)
สถาปนา21 เมษายน พ.ศ. 2442 (โรงเรียนหลวง)[1]
25 ธันวาคม พ.ศ. 2445 (โรงเรียนประจำเมือง)
ผู้ก่อตั้งพระยาวุฒิการบดี (ผู้สถาปนาโรงเรียนหลวง)
พระเทพมุณี (ผู้ก่อตั้ง)[2]
เขตการศึกษาเมืองชัยภูมิ
หน่วยงานกำกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
รหัส1011360101
ผู้อำนวยการนายกีฬาชัย รัตนีย์ศรีบัณฑิต
ระดับปีที่จัดการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 1–6
ช่วงอายุ12 - 19 ปี
จำนวนนักเรียน3,115 คน
ชั้นเรียน84 ห้อง
ขนาดของชั้นเรียนเฉลี่ย37.1 คน
พื้นที่29 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา
สี   เหลือง-แดง
คำขวัญ"เรียนดี กีฬาเยี่ยม เปี่ยมคุณธรรม"
เพลงมาร์ชชัยภูมิภักดีชุมพล
เพลงชัยภูมิภักดีชุมพล (เพลงพิธีการ)
รายได้93,567,200 บาท[ต้องการอ้างอิง] (ปี พ.ศ. 2556)
เว็บไซต์www.cb.ac.th , Facebook

ชัยภูมิ เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบโรงเรียนสหศึกษา และเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ คำว่า ชัยภูมิภักดีชุมพล มาจากคำสองคำคือ ชัยภูมิ คือชื่อจังหวัดอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียน และ ภักดีชุมพล มาจากบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดชัยภูมิ หรือ พระยาภักดีชุมพล โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[3] กับการก่อตั้งโรงเรียนซึ่งปัจจุบันในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2445 [4]

ประวัติโรงเรียน

ยุคบุกเบิกโรงเรียน

ปี พ.ศ. 2447 ได้สร้างอาคารเรียนขึ้น ณ วัดชัยประสิทธิ์เพื่อขยายการเรียนการสอน

วัดชัยประสิทธิ์ หรือ วัดสะแก ซึ่งในปี พ.ศ. 2435 ยังเป็นวัดร้างอยู่ พระประสิทธิ์ได้มาบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ จึงขนานนามวัดใหม่ตามชื่อของท่านว่า "วัดประสิทธิ์" และในปี พ.ศ. 2439 ได้ทำการสอนปริญัติธรรมซึ่งมีกำหนดไม่แน่นอนและเป็นการสอนทางธรรมเสียมากกว่า ต่อมา ประมาณปี พ.ศ. 2442 พระยาหฤทัยราชเดช เจ้าเมืองชัยภูมิสมัยนั้นได้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ โดยอาศัยศาลาการเปรียญเป็นห้องเรียน ได้แบ่งชั้นเรียนออกเป็นประโยค 1-2 ประโยค 1 มีชั้น ป.1 กับ ป.2 ประโยค 2 มี ป.3 กับ ป.4 เมื่อเรียนสำเร็จประโยค 2 (หากจะเทียบกับปัจจุบันก็คือ มัธยมศึกษาปีที่ 3) ปฐมอาจารย์แห่งโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลคือ อาจารย์เกิด มีตำแหน่งเป็นครูใหญ่ กับครูน้อยอีก 1 คนคือ อาจารย์คำ ต่อมาอาจารย์เกิดซึ่งเป็นครูใหญ่ได้ลาออกไปเป็นเสมียนมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา อาจารย์เปล่ง (ซึ่งเป็นพระภิกษุ) เป็นครูน้อยแทนอาจารย์คำ ขณะนั้นอาจารย์เปล่งครูใหญ่ได้เลื่อนตำแหน่งทางพระเป็นพระวินัยธรรม ประมาณปี พ.ศ. 2446 มีครูเพิ่มขึ้นอีก 3 คนคืออาจารย์หรั่ง อาจารย์จ้อย และนายดาบอิน เมือได้เป็นครู 1 ปีอาจารย์หรั่ง ขอลาออกไปเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร อาจารย์ทับเป็นครูน้อยแทนอาจารย์หรั่ง

ปฐมกาลแห่งการสถาปนา (พ.ศ. 2442 - พ.ศ. 2445)

ภัยจากการคุมคามของประเทศมหาอำนาจในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรือปลายพุทธศตวรรษที่ 24 ลัทธิจักรวรรดินิยมกำลังแผ่ขยายมายังประเทศต่างๆ ในเอเชียซึ่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่าญวน เขมรและมลายูเป็นต้น ต่างตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศมหาอำนาจ ส่วนประเทศไทยมีจุดอ่อนทั้งในเรื่องความล้าหลัง ระบบการปกครองและการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจนพระองค์จึงทรงห่วงใยบ้านเมืองจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบประนีประนอมและเร่งปรับปรุงประเทศ โดยเน้นการ ศึกษาของชาติ

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลก็เป็นส่วนหนึ่งของยุคปฏิรูปการศึกษาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเช่นกัน โดยในยุคแรกได้ใช้ศาลาการเปรียญของวัดชัยประสิทธิ์ (วัดสะแก) ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านหนองบ่อ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ เมื่อปี พ.ศ. 2442 วัดสะแก หรือวัดชัยประสิทธิ์ ( วัดประสิทธิ์ ) เดิมเป็นวัดร้าง พระประสิทธิ์ได้มาซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่ราวปี พ.ศ. 2432 และได้ขนานนามวัดใหม่ตามนามของท่านว่า “วัดชัยประสิทธิ์” ต่อมาพระประสิทธิ์ได้ทำการสอนพระปริยัติธรรมแก้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่สนใจในพระพุทธศาสนา ซึ่งนับเป็นการเรียนการสอนยุคแรกของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล

เมื่อปี พ.ศ. 2442 พระหฤทัย (บัว) ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัด (ดำรงตำแหน่งระหว่าง : พ.ศ. 2442 – 2444) เจ้าเมืองชัยภูมิได้ตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกของจังหวัดชัยภูมิขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ตามพระบรมราโชบายปฏิรูปการศึกษาหัวเมืองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และความต้องการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติโดยได้ออก "ประกาศจัดการเล่าเรียนในหัวเมือง" เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 ความว่า

… ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดแต่ความประพฤติชอบ และการเลี้ยงชีวิตโดยชอบเป็นที่ตั้ง ครั้นทั้งหลายจะประพฤติชอบ แลจะหาเลี้ยงชีวิตโดยชอบนั้นเล่า ก็ย่อมอาศัยการได้ศึกษาวิชา ความรู้ ในทางที่จะให้บังเกิดประโยชน์ มาแต่ย่อมเยาว์ และฝึกซ้อมสันดานให้น้อยในทางสัมมาปฏิบัติและเจริญปัญญา สามารถในกิจการต่างๆ อันเป็นเครื่องประกอบการหาเลี้ยงชีพเมื่อเติบใหญ่ จึงเชื่อว่าได้เข้าสู่ทางความเจริญ… บัดนี้การฝึกสอนในกรุงเทพฯ เจริญแพร่หลายมากขึ้นแล้ว สมควรจะจัดการฝึกสอนให้หัวเมืองได้เจริญขึ้นตามกัน … [5]

ในการจัดการศึกษาขั้นต้นตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลสยามในสมัยนั้น พระหฤทัย (บัว) ได้มีนโยบายในการจัดการศึกษาในจังหวัดเพื่อตอบสนองความต้องการของนโยบายรัฐบาลนั้นได้จัดการศึกษาขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ โดยมอบหมายให้พระครูจรูญ นิโรธกิจ เป็นผู้จัดการเรียนการสอนขึ้น โดยมีนายพรหมมา และนายป้อมเป็นครูผู้สอน ในปี พ.ศ. 2442 ณ ศาลาการเปรียญวัดชัยประสิทธิ์เปิดสอนในประโยค 1 – 2 โดยประโยค 1 มีชั้น ป.1 และ ป.2 ประโยค 2 คือชั้น ป.3 และ ป.4 เมื่อสำเร็จชั้นประโยค 2 ถือว่าสำเร็จชั้นสูงสุดการศึกษาภายในจังหวัดชัยภูมิ ในต้นปี พ.ศ. 2445 ที่มีนักเรียนเป็นจำนวนมากซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุตร ธิดาของบรรดาข้าราชการ คหบดี พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ในจังหวัดชัยภูมิ ต่อมาในปีกลาง พ.ศ. 2445 โรงเรียนวัดประสิทธิ์มีนักเรียนทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ศึกษาเล่าเรียนรวมทั้งสิ้น 100 คน มีครูเพียง 1 คน ซึ่งที่นั่งนักเรียนไม่เพียงพอที่จะจัดการเรียนการสอน ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หลวงพิทักษ์นรากร ได้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนสถานที่จัดการเรียนการสอนและจำนวนครูผู้สอนไม่เพียงพ่อต่อนักเรียนกอปรกับ ในปี พ.ศ. 2445 การปฏิรูปการศึกษาของประเทศนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง ประกาศใช้ “พระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์” ซึ่งในแง่มุมของการศึกษา ถือเป็นการแบ่งงานระหว่างพระสงฆ์กับกรมศึกษาธิการ โดยพระสงฆ์จะจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษา ส่วนในระดับสูงกว่าเป็นหน้าที่ของกรมศึกษาธิการ จึงมีการรวบรวมรายชื่อโรงเรียนเพื่อจัดทำทะเบียนโรงเรียนหลวงขึ้น หลวงพิทักษ์นรากร จึงรวบรวมเงินบริจาคจากข้าราชการในจังหวัดชัยภูมิเพื่อปรับปรุงโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีผู้บริจาคทั้งสิ้น 166 บาท 8 อัฐ เงินจำนวนนี้นับเป็นเงินบำรุงสถานศึกษาชุดแรกที่ก่อให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาในจังหวัดชัยภูมิโดยเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปจ้างครูเพิ่มอีก 2 คน คนละ 5 บาทต่อเดือนคงเหลือเงิน 22 บาท 08 อัฐ ได้นำไปซื้อม้านั่งสำหรับเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2442

2 ธันวาคม ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) หลวงพิทักษ์นารากร ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิได้เสนอชื่อโรงเรียนวัดประสิทธิ์ไปยังกระทรวงมหาดไทยและได้เสนอก่อตั้งเป็นโรงเรียนหลวงขึ้นพร้อมรายนามข้าราชการที่บริจาคเงินบำรุงโรงเรียนวัดประสิทธิ์

12 ธันวาคม ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) พระยาศรีสหเทพ ราชปลัดทูลฉลอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอขอตั้งโรงเรียนไปยังพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ปลัดกระทรวงธรรมการ และได้เสนอต่อไปยังสำนักราชเลขานุการได้นำความกราบบังคมทูล พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธ์ โดยมีเนื้อความว่า

ที่ ๒๑๙ / ๖๗๑๒

วันที่ ๒๕ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑

ข้าพระพุทธเจ้า พระยาวุฒิการบดี ขอประทานกราบทูล พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธ์ ทราบฝ่าพระบาทด้วยกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือส่งบาญชีรายชื่อข้าราชการเมืองไชยภูมิ คือจัดหาจ้างครูขึ้นอีก ๒ คนและสร้างม้านั่งสำหรับนั่งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ได้คัดสำเนากระทรวงมหาดไทยและบาญชีรายชื่อส่งมาถวายในนี้แล้วด้วย ถ้ามีโอกาสอันควร ขอฝ่าพระบาทได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้า

(ลงชื่อ) พระยาวุฒิการบดี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ในวันเดียวกันความถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงมีพระราชกระแสลายพระหัตถ์รับสั่ง “อนุโมทนา”

ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๑ พระยาวุฒิการบดี ได้แจ้งเรื่องผ่านทางกรมราชเลขานุการด้วยหนังสือ ที่ 67 / 2029 ความว่า

กรมราชเลขานุการ

วันที่ ๒๗ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑

เรียน พระยาวุฒิการบดี ได้รับหนังสือที่ ๒๑๙/๖๗๑๒ ลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้ เรื่องข้าราชการเมืองไชยภูมิได้ออกเงินเรี่ยไรบำรุงโรงเรียนวัดประสิทธิ์เมืองไชยภูมิ ดังบาญชีรายชื่อที่ส่งมาแล้วนั้น ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว

โปรดเกล้าให้แจ้งความมาว่า ทรงอนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยฯ

ยุคแรกแห่งแสงอรุณทางการศึกษาของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล และชาวชัยภูมิได้เริ่มต้นขึ้น และในยุคนี้ได้ถูกขนานนามว่า “ยุคสถาปนา”

ยุคบุกเบิกการศึกษาโดยคณะภิกษุสงฆ์ (พ.ศ. 2445 - พ.ศ. 2452)

หลังจากโรงเรียนก่อตั้งได้ไม่นาน พระอาจารย์จรูญ นิโรธกิจ (เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ) ก็ต้องย้ายไปรับราชการในระดับเขตการศึกษา เพื่อควบคุมการศึกษาภาษาไทยในเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นพัฒนาการทางการสอนที่เท่ากัน และเท่าเทียม สำหรับผู้ชายและผู้หญิงนั้นสามารถศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ทางราชการได้แต่งตั้งพระอาจารย์เกิดมาเพื่อรับตำแหน่งแทนพระครูจรูญ นิโรธกิจซึ่งรับราชการในระดับที่สูงขึ้น การศึกษาในยุคนี้มิได้เน้นวิชาสมัยใหม่เหมือนในกรุงเทพมหานคร อต่เป็นการสอนการเขียน การอ่านภาษาไทย การเรียนวิชาในพุทธศาสนา และการสอนนั้นเน้นไปในทางปริญัติธรรมเสียส่วนใหญ่

ยุคบุกเบิกการศึกษาโดยฆราวาส (พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2478)

ในยุคนี้ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นครูใหญ่ผู้บุกเบิกคือ นายมนู นาคามดี ครูใหญ่ผู้บุกเบิกโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ซึ่งตามประวัติที่มีการจดบันทึกไว้จากการบอกเล่าของ นงไฉน ปริญญาธวัช (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรมปี พ.ศ. 2555) บุตรสาวของนายหนู นาคามดี นายหนู ต้องเดินทางมายังโรงเรียนชัยภูมจากจังหวัดนครราชสีมาด้วยระยะทางเพียง 100 กิโลเมตรเศษโดยใช้เวลา 5 วัน 5 คืน ซึ่งในขณะนั้นจังหวัดชัยภูมินับว่าเป็นดินแดนที่ "กันดาร" ตามคำบอกเล่าของบุตรสาวและได้ขยายโรงเรียนแห่งใหม่โดยซื้อที่ดินคืนจากชาวบ้านที่มาทำนา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนมาจนถึงปัจจุบัน ในอดีตไม่มีใครอยากจะมาเป็นข้าราชการที่จังหวัดอันห่างไกลแห่งนี้ แต่นายหนู เดินทางมาด้วยความมานะอุตสาหะ ด้วยความไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นายหนูได้รับยกย่องให้เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษคนแรกของจังหวัดชัยภูมิอีกด้วย ในวัยก่อนเกษียนท่านได้รับคำนำหน้าชื่อเป็น รองอำมาตย์ตรี มนู นาคามดี นับว่าเป็นสิ่งที่แสดงความตั้งใจในการทำงานและเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงมานะอุตสาหะของครูผู้บุกเบิกผู้นี้

ยุคแห่งผู้บริหารจาก "ธรรมศาสตร์" (พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2494)

ยุคแห่งผู้บริหารจาก "ธรรมศาสตร์" ในยุคนี้มีผู้อำนวยการถึง 3 คนที่จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ นายกุหลาบ ประภาสโนบล นายทอง พงศ์อนันต์ และนายชะลอ ปทุมานนท์ ซึ่งล้วนแล้วแต่นำสิ่งใหม่ๆมาสู่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นสีประจำโรงเรียน (เหลืองแดง) ต้นไม้ที่ปลูกรอบโรงเรียนล้วนได้รับอิทธิพลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้กระทั่งตราโรงเรียนยุคแรกก็ยังได้รับอิธิพลจากตราธรรมจักรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการตีพิมพ์วารสารโรงเรียนขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงและเป็นการกำหนดหลักสูตรให้กับโรงเรียนโดยรอบจังหวัดผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งถือว่าเป็นสื่อที่ทันสมัยในยุคนั้น

สืบเนื่องจากนโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงแยกโรงเรียนออกเป็นชายล้วนและหญิงล้วนในระหว่างช่วงนี้โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลได้แยกนักเรียนหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นไปยัง โรงเรียนสตรีชัยภูมิ และได้ทำการสอนนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามปกติจนกระทั่งปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลจึงกลายโรงเรียนชายล้วนอย่างสมบูรณ์

ยุคแห่งการพัฒนา (พ.ศ. 2495 - พ.ศ. 2500)

การพัฒนาทั้งทางด้านการศึกษา พัฒนาด้านการเรียนการสอน อาคารเรียนและบุคลากรทางการศึกษา มีนักเรียนรุ่นที่จบไปแล้วเริ่มมารับราชการครูในโรงเรียนที่ตนเคยศึกษา การเรียนการสอนถูกปรับปรุงให้ทันสมัยเข้าสู่ยุคและสังคมที่ทันสมัยขึ้น บริเวณโรงเรียนและอาคารเรียนมีมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกระแสของการตื่นตัวทางการศึกษาของคนไทยในยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง นโยบายทางการศึกษาใหม่ๆ ทำให้มีการส่งเสริมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักกันในนาม โรงเรียนชัยภูมิ โรงเรียนประจำจังหวัดชัยภูมิ และยุคนี้คือ "ยุคแห่งการพัฒนา"

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 โรงเรียนได้งบประมาณสร้างบ้านพักครูหนึ่งหลังเป็นเงิน 25,000 บาท ซึ่งได้สร้างทางทิศตะวันออกของสระพัง สร้างแล้วเสร็จให้นายวินิช เวชสัสถ์ ครูโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลขึ้นอยู่อาศัย เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2497 ในปีนี้โรงเรียนได้ขยายโรงอาหารออกไปทางทิศใต้และทิศตะวันออก เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุม โดยเงินสะสมเพื่อสร้างโรงอาหารของโรงเรียนเป็นเงิน 8,225.05 บาท แต่นักเรียนมีมากถึง 500 คนทำให้ที่ประชุมคับแคบไป ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2498 โรงเรียนได้จัดหาวัสดุมาสร้างบ้านพักครูอีกหลังหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสระพัง เป็นบ้านทรงปั้นหยา 2 ห้องมีระเบียงสองข้าง และมีนอกชาน ต่อจากนี้มีห้องครัว 2 ห้อง ห้องส้วมอยู่บนบ้านสร้างขึ้นไม่มีงบประมาณ แต่อาศัยเงินบำรุงจำนวน 4,271.71 บาท สร้างเสร็จให้นายบุญเรือน แช่มชื่น ครูสอนแตรขึ้นอยู่อาศัยแต่นายบุญเรือง แช่มชื่น ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2489 จึงให้นายมงคล ประภาสโนบล อยู่แทน

ยุคแห่งความมั่นคง (พ.ศ. 2500 - พ.ศ. 2532)

ในยุคนี้โรงเรียนที่มีอายุมากถึง 50 ปีเป็นตัวชี้ศักยภาพทางการศึกษา มีเหตุการณ์ที่แสดงความสามารถการันตีความเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ไม่ว่าจะมีระดับชั้นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในจังหวัดที่เตรียมตัวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา การจัดทำหนังสืออนุสรณ์ การสร้างถนนในโรงเรียน การเตรียมการสำหรับแนวการศึกษาใหม่ๆ การศึกษาวิชาพละศึกษาที่ไม่เคยมีการสอนมาก่อน เป็นต้นสร้างได้เพียงครึ่งเดียว ทางโรงเรียนจึงอนุมัติงบอีก 7,000 บาทเพื่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จตลอดสาย ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นำโดยนายสมเกียรติ วิจิตรธนสาร ได้จัดหาเงินสร้างสนามบาสเก็ตบอลเป็นคอนกรีต โดยใช้เงินทั้งสิ้น 14,458.00 บาท และในปีเดียวกันนี้ทางโรงเรียนได้งบประมาณรื้อถอน และซ่อมแซมโรงอาหารหลังเก่า ขยายให้กว้าง ลาดพื้นซีเมนต์เพื่อใช้เป็นห้องฝึกหัดพละศึกษาและใช้เป็นห้องประชุม และเงินงบประมาณยอดเดียวกันนี้ ได้ทาสีโรงเรียนใหม่ และซ่อมแซมประตูหน้าต่างให้เสร็จหมดงบประมาณทั้งสิน 100,000 บาท และ ได้สร้างบ้านภารโรงขึ้น ๑ หลัง อยู่ทางทิศใต้ของหนองสระพัง ด้วยเงินบำรุงการศึกษา 3,000 บาท

ผู้บริหาร

ผู้อำนวยการโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลแบ่งได้เป็น 4 ยุคด้วยกันคือ ยุคพระภิกษุ ยุคครูใหญ่ ยุคอาจารย์ใหญ่ และยุคผู้อำนวยการ ซึ่งมีรายนามดังต่อไปนี้

ลำดับรายนามระยะเวลาดำรงตำแหน่งหมายเหตุ
1พระครูจรูญ นิโรธกิจ [6]พ.ศ. 2442 - 2444ได้รับมอบหมาย/แต่งตั้งจาก พระยาหฤทัยราชเดช
2พระอาจารย์เกิด [7]พ.ศ. 2444 - 2445
3พระอาจารย์เปล่งพ.ศ. 2445 - 2450
4พระอาจารย์ป้อมพ.ศ. 2450 - 2452
5นายพรหมมา ศิริพรหมมาพ.ศ. 2452 - 2458
6รองอำมาตย์ตรีหนู นาคามดีพ.ศ. 2458 - 2476
7ราชบุรุษกุหลาบ ประภาสโนบลพ.ศ. 2476 - 2478
8นายทอง พงศ์อนันต์พ.ศ. 2478 - 2488
9นายชลอ ปทุมานนท์พ.ศ. 2488 - 2490
10นายเฉลิม จิระนาทพ.ศ. 2490 - 2494
11นายเหลือ คำวชิรพิทักษ์พ.ศ. 2494 - 2512
12ราชบุรุษชุบ วงษ์นราพ.ศ. 2512 - 2517
13นายมาโนช ปานโตพ.ศ. 2517 - 2519
14นายดิลก วัจนสุนทรพ.ศ. 2519 - 2521
15นายทรวง ยุวกาญจน์พ.ศ. 2521- 2525
16นายสำลี ผดุงศรีพ.ศ. 2525 - 2529
17นายทองอินทร์ เพียภูเขียวพ.ศ. 2529 - 2540
18นายคณิต ภิรมย์ไกรภักดิ์พ.ศ. 2540 - 2541
19นายอำพัน รักษ์มณีพ.ศ. 2541 - 2543
20นายวงษ์ชัย ชนะชัยพ.ศ. 2543 - 2553
21นายพิสิษฐ์ สืบนุการวัฒนาพ.ศ. 2553 - 2555
22นายสุรวิทย์ พลมณีพ.ศ. 2555 - 2558
23นายศราวุธ สิงหาราโทพ.ศ. 2558 - 2563
24นายปรีชา​ เคนชมภูพ.ศ.​ 2563​ -​ 2565
25นายกีฬาชัย รัตนีย์ศรีบัณฑิตพ.ศ. 2565 - ปัจจุบัน

อาคารและสิ่งก่อสร้าง

อาคาร 1 เป็นที่ตั้งของห้องสมุดกลางโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล และห้องปฏิบัติการณ์คอมพิวเตอร์
  • อาคาร 1

แบ่งออกเป็น 3 ชั้นโดยชั้นแรกเป็นชั้นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ชั้นที่สองเป็นที่ตั้งของ ห้องสมุดกลาง โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล และชั้นที่สาม เป็นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์

  • อาคาร 2 (รื้อถอนแล้ว)

แบ่งออกเป็น 3 ชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นห้องเรียนมีทั้งหมด 6 ห้องเรียน คือตั้งแต่ห้อง 211-216
ชั้นที่ 2 เป็นห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 6 ห้อง คือตั้งแต่ห้อง 221-226 โดยห้อง 221 นั้นเป็นห้องพักครู
ชั้นที่ 3 เป็นห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศแบ่งออกเป็น 6 ห้องเรียนคือห้อง 231-236
อาคาร 3 เป็นอาคารที่ใช้งานเฉพาะชั้น 1 และ 2 โดยยกเลิกการเป็นอาคารเรียนเมื่อปี พ.ศ. 2553 และปัจจุบันมีเฉพาะชั้นล่างเท่านั้นที่มีการใช้งานบ่อยครั้งชั้น 1 เป็นที่ทำงานของฝ่ายธุรการ ฝ่ายงบประมาณ ฝ่ายวิชาการ ห้องผู้บริหาร งานทะเบียน แนะแนวชั้น 2 เป็นที่ตั้งของห้องโสตทัศนูปกรณ์ชั้น 3 ปิดการใช้งาน
  • อาคาร 3 (รื้อถอนแล้ว)

เป็นอาคารที่ใช้งานเฉพาะชั้น 1 และ 2 โดยยกเลิกการป็นอาคารเรียนเมื่อปี พ.ศ. 2553 และปัจจุบันมีเฉพาะชั้นล่างเท่านั้นที่มีการใช้งานบ่อยครั้ง

ชั้น 1 เป็นที่ทำงานของฝ่ายธุรการ ฝ่ายงบประมาณ ฝ่ายวิชาการ ห้องผู้อำนวยการโรงเรียน งานทะเบียน แนะแนว
ชั้น 2 เป็นที่ตั้งของห้องโสตทัศนูปกรณ์
ชั้น 3 ปิดการใช้งาน
  • อาคาร 4
  • อาคาร 5

เป็นอาคารของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม โดยมีทั้งหมด 3 ชั้นคือ

ชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของห้องวงโยธวาธิต ศูนย์เรียนรู้ไทยภัณฑ์ โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ห้องกลุ่มบริหารงานทั่วไป ห้องฝ่ายพัฒนาผู้เรียน
ชั้นที่ 2 เป็นห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ห้องนาฏศิลป์ และห้องเรียนวิชาศิลปะ
ชั้นที่ 3 เป็นห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ
อาคาร 6 เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนมีทั้งสิ้น 6 ชั้น
  • อาคาร 6

เป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนมีทั้งสิ้น 6 ชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของห้องประชุม 99 ปี
ชั้นที่ 2 ใช้เป็นห้องเรียนและห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และห้องเก็บสาร (สารเคมี)
ชั้นที่ 3 คือห้องเรียนและห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ชีววิทยา
ชั้นที่ 4 คือห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชั้นที่ 5 คือห้องเรียนและห้องพักครูของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นที่ 6 คือห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
  • อาคาร 7

เป็นอาคารของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และเป็นที่ตั้งของห้องสมุด 111 ปีโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล มีทั้งสิ้น 4 ชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นที่ตั้งของห้องสมุด 111 ปีโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
ชั้นที่ 2 เป็นที่ตั้งของห้องพักครู และห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และศูนย์อาเซียนศึกษาโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
ชั้นที่ 3 ห้องเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นที่ 4 ห้องเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
  • อาคาร 8

เป็นอาคารสามชั้น

ประกอบด้วยห้องเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รวมถึงห้องเรียนพิเศษ Mini English Program(MEP)
  • โรงอาหาร
  • อาคารศูนย์กีฬา
  • อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา
  • ห้องกลุ่มบริหารกิจการนักเรียน (ห้องปกครอง)
  • ห้องประชาสัมพันธ์ หน้าห้องกลุ่มบริหารกิจการนักเรียน
สระน้ำกลางโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
  • หนองสระพัง

สระน้ำกลางโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล

  • อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล

รูปจำลองพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก ตั้งบริเวณหน้าอาคาร 1

  • ศาลเจ้าพ่อขุนพลัง

มีการบวงสรวงเป็นประจำทุกปีในวันสถาปนาโรงเรียน (25 ธันวาคมของทุกปี)

ศูนย์เรียนรู้ไทยภัณฑ์

ศูนย์เรียนรู้ไทยภัณฑ์เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนาความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ให้แก่บุคคลที่สนใจ "เมื่อเราศึกษาอดีตอย่างมีเหตุและมีผลจะทำให้เราสามารถทำตัวอยู่กับปัจจุบันอย่างมีเหตุผล" เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว จึงมีผู้ที่ต้องการรวบรวมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ของสถานศึกษา และท้องถิ่น โดยงานหลักของศูนย์เรียนรู้ไทยภัณฑ์คือการดูแลรักษาสมบัติของโรงเรียนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีรวมถึงประมวลภาพเหตุการณ์ของโรงเรียนทั้งฟิมล์ สไลด์ หรือไฟล์ดิจิทัล เพลงโรงเรียนตั้งแต่ยุคแผ่นเสียง เทป จนสู่ยุคแผ่นซีดี และงานจดหมายเหตุต่างๆ

กิจกรรมภายในโรงเรียน

  • กิจกรรมกีฬาภายใน (กีฬาสี)

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลจะมีการจัดกการแข่งขันกีฬาภายในหรือกีฬาสีในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกปี ปีละ 5 วัน โดยแบ่งเป็น 5 คณะสี เรียงตามสีประจำวัน (ยกเว้นสีเหลืองและสีแดงที่เป็นสีประจำโรงเรียน) มีชื่อเรียกตามชื่ออัญมณีต่างๆ เพื่อทำกิจกรรมดังนี้

  • ██ คณะ 1 พลอยม่วง (สีม่วง)
  • ██ คณะ 2 ทับทิม (สีชมพู)
  • ██ คณะ 3 มรกต (สีเขียว)
  • ██ คณะ 4 บุศราคัม (สีแสด)
  • ██ คณะ 5 ไพลิน (สีฟ้า)

กองลูกเสือ

นายหนู นาคามดี ผู้กำกับลูกเสือจังหวัดชัยภูมิคนแรก
การฝึกลูกเสือโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ปี พ.ศ. 2508

กองลูกเสือโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2458 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งกองลูกเสือโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลเดิมใช้ชื่อว่า "กองลูกเสือมณฑลนครราชสีมาที่ 3 ประจำเมืองไชยภูมิ" และในปีเดียวกันนั้นได้แต่งตั้งนายมนู นาคามดี ขึ้นเป็นผู้กำกับการกองลูกเสือจังหวัดชัยภูมิคนแรก จึงนับได้ว่ากองลูกเสือโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลเป็กองลูกเสือกองแรกและเป็นกองลูกเสือบุกเบิกของจังหวัดชัยภูมิโดยตั้งหลังจากทรงนำกิจการลูกเสือเข้ามาในสยามได้เพียง 4 ปีเท่านั้นปัจจับันกิจการลูกเสือในโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลนั้นสำคัญมากโดยเฉพาะในจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งกองลูกเสือของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลนั้นเป็นแบบอย่างที่สำคัญของการพิทักษ์ดูแลและรักษาความคิดและธำรงค์ไว้ซึ่งกิจการลูกเสือไทย และที่สำคัญโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ได้รับมอบหมายให้เป็นสถานที่เก็บรักษาธงลูกเสือจังหวัดชัยภูมิ จากคณะกรรมการลูกเสือจังหวัดชัยภูมิ

เชิงอรรถ


อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

🔥 Top keywords: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลหน้าหลักพระสุนทรโวหาร (ภู่)องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024สไปร์ท (แร็ปเปอร์)ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024พุ่มพวง ดวงจันทร์ดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อีดิลอัฎฮาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวราชวงศ์จักรีลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทยรายชื่อตัวละครในพระอภัยมณีหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคลทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลพระอภัยมณีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคลหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรหลานม่าอริยสัจ 4ตารางธาตุนิราศภูเขาทองรายชื่อเครื่องดนตรีเฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชคประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาปิติ ภิรมย์ภักดีวอลเลย์บอลวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย