โดโรธี ฮอดจ์กิน
โดโรธี แมรี ฮอดจ์กิน (อังกฤษ: Dorothy Mary Hodgkin; 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1910 – 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1994) หรือ โดโรธี โครว์ฟุต ฮอดจ์กิน (Dorothy Crowfoot Hodgkin) หรือ โดโรธี ฮอดจ์กิน (Dorothy Hodgkin) เป็นนักชีวเคมีชาวบริติช เป็นผู้พัฒนาเทคนิกผลิกศาสตร์รังสีเอกซ์เพื่ออธิบายโครงสร้างสารชีวโมเลกุล เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีประจำปี ค.ศ. 1964
โดโรธี ฮอดจ์กิน | |
---|---|
![]() โดโรธี ฮอดจ์กิน | |
เกิด | โดโรธี แมรี โครว์ฟุต 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1910 ไคโร อียิปต์ |
เสียชีวิต | 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1994 อิลมิงตัน วอริกเชอร์ อังกฤษ | (84 ปี)
สัญชาติ | บริติช |
ศิษย์เก่า | |
มีชื่อเสียงจาก |
|
รางวัล |
|
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา |
|
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | จอห์น เดสมอนด์ เบอร์นอล |
ลูกศิษย์ในระดับปริญญาเอก |
|
ลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ |
|
ประวัติ
โดโรธี แมรี โครว์ฟุตเกิดที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ในปี ค.ศ. 1910 เป็นบุตรสาวของจอห์น วินเทอร์ โครว์ฟุตและเกรซ แมรี โครว์ฟุต (นามสกุลเดิม ฮูด) บิดามารดาของฮอดจ์กินเป็นนักโบราณคดีที่ทำงานในอียิปต์ ในปี ค.ศ. 1921 ฮอดจ์กินเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมเซอร์จอห์น ลีแมนในเมืองเบคเคิลส์ ส่วนบิดามารดาของเธอย้ายไปทำงานที่เมืองคาร์ทูม ฮอดจ์กินสนใจด้านเคมีตั้งแต่เด็กและได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว เมื่ออายุได้ 18 ปี เธอเรียนต่อด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (วิทยาลัยซอเมอร์วิลล์)[4] ต่อมาในปี ค.ศ. 1932 ฮอดจ์กินเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เป็นสตรีคนที่สามที่ได้รับเกียรตินี้[5]
ฮอดจ์กินเรียนต่อปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และศึกษาคุณสมบัติของรังสีเอกซ์เพื่อใช้อธิบายโครงสร้างของโปรตีน เธอและอาจารย์ที่ปรึกษา จอห์น เดสมอนด์ เบอร์นอล เริ่มใช้วิธีนี้ในการศึกษาโครงสร้างของเปปซิน[6] ในปี ค.ศ. 1933 ฮอดจ์กินได้รับตำแหน่งนักวิจัยที่วิทยาลัยซอเมอร์วิลล์และย้ายกลับไปออกซฟอร์ดในปีต่อมา เธอทำงานเป็นนักวิจัยและอาจารย์สอนวิชาเคมีที่วิทยาลัยจนถึงปี ค.ศ. 1977 มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงเช่น มาร์กาเรต แทตเชอร์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร[7] ต่อมาในปี ค.ศ. 1960 เธอดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์วิจัยวูล์ฟสันของราชสมาคมแห่งลอนดอน ฮอดจ์กินดำรงตำแหน่งนี้ถึงปี ค.ศ. 1970[8]
ฮอดจ์กินเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ค้นพบโครงสร้างชีวโมเลกุลสามมิติและพัฒนาเทคนิกผลิกศาสตร์รังสีเอกซ์[9] โดยในปี ค.ศ. 1945 เธอกับซี. เอช. คาร์ลิเซิลตีพิมพ์ผลงานโครงสร้างของสารสเตียรอยด์ คอเลสเตอริลไอโอไดด์ ในปีเดียวกัน ฮอดจ์กินอธิบายโครงสร้างของเพนิซิลลิน แต่ผลงานนี้ได้รับการตีพิมพ์ในอีก 4 ปีต่อมา[10] ในปี ค.ศ. 1948 เธอศึกษาวิตามินบี12 ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีใครสามารถอธิบายโครงสร้างได้ ฮอดจ์กินประสบความสำเร็จในการอธิบายโครงสร้างของวิตามินบี12 โดยใช้รังสีเอกซ์ เธอตีพิมพ์ผลงานในปี ค.ศ. 1955[11] ผลงานนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี ค.ศ. 1964[12] เป็นสตรีคนที่สามที่ได้รับรางวัลนี้[8] ในปี ค.ศ. 1969 ห้าปีหลังจากได้รับรางวัลโนเบล ฮอดจ์กินพัฒนาเทคนิกรังสีเอกซ์จนสามารถใช้อธิบายโครงสร้างของอินซูลินได้สำเร็จ ผลงานชิ้นนี้เป็นงานที่เธอเริ่มไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934[13]
ด้านชีวิตส่วนตัว ฮอดจ์กินเคยมีความสัมพันธ์กับจอห์น เดสมอนด์ เบอร์นอล อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ[14] ต่อมาในปี ค.ศ. 1937 เธอแต่งงานกับทอมัส ไลโอเนล ฮอดจ์กิน นักประวัติศาสตร์แอฟริกาและอาจารย์ที่ออกซฟอร์ด ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 3 คนชื่อ ลุค, เอลิซาเบธและโทบี ฮอดจ์กินเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้านในวอริกเชอร์ ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1994[15]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ โดโรธี ฮอดจ์กิน
วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ โดโรธี ฮอดจ์กิน
- "Dorothy Crowfoot Hodgkin - Biographical". Nobelprize.org.