เอ็ดการ์ ดาวิดส์

เอ็ดการ์ สตีเวน ดาวิดส์ (ดัตช์: Edgar Steven Davids; เกิด 13 มีนาคม ค.ศ. 1973) เป็นนักฟุตบอลชาวเนเธอร์แลนด์ หลังจากเริ่มต้นอาชีพของเขากับอาเอฟเซ อายักซ์ เขาเล่นให้เอซีมิลาน, ยูเวนตุส, บาร์เซโลนา, อินเตอร์มิลาน และทอตนัมฮอตสเปอร์ ก่อนที่จะกลับไปยังอายักซ์ สองปีหลังจากออกจากการแข่งขันฟุตบอล ดาวิดส์ได้เซ็นสัญญาให้กับสโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ ในปี 2010

เอ็ดการ์ ดาวิดส์
Edgar Davids (© Paul Blank)
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็มเอ็ดการ์ สตีเวน ดาวิดส์
วันเกิด (1973-03-13) 13 มีนาคม ค.ศ. 1973 (51 ปี)
สถานที่เกิดปารามาริโบ, ซูรินาม
(at the time part of the Netherlands)
ส่วนสูง1.70 เมตร (5 ฟุต 7 นิ้ว)
ตำแหน่งกองกลางตัวรับ
สโมสรเยาวชน
Ajax
สโมสรอาชีพ*
ปีสโมสรลงเล่น(ประตู)
1992-1996Ajax106(20)
1996-1997Milan19(2)
1997-2004Juventus159(8)
2004Barcelona (loan)18(1)
2004-2005Internazionale14(2)
2005-2007Tottenham Hotspur40(1)
2007-2008Ajax30(1)
2010Crystal Palace6(0)
2012-2014Barnet0(0)
รวม392(35)
ทีมชาติ
1994-2005Netherlands74(6)
ผู้จัดการทีม
2012–2014Barnet (Joint-Head Coach)
  • นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 30 October 2010.

† ลงเล่น (ประตู).

‡ นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมชาติ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 14 November 2009

ดาวิดส์เป็นโรคต้อหิน ทำให้เขาต้องสวมแว่นตาป้องกันในระหว่างการแข่งขันฟุตบอล ทรงผมเดรดล็อกส์และตาของเขาที่สวมแว่นป้องกันไว้ทำให้ดาวิดส์เป็นนักฟุตบอลที่รู้จักกันมากที่สุดในยุคของเขา[1][2] ดาวิดส์เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับเลือกโดยเปเล่ให้เป็นนักฟุตบอลที่โดดเด่นในฟีฟ่า 100 รายชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล

เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของกองกลางในชุดปัจจุบันของทีม NEC ลอเรนโซ ดาวิดส์

ในวงการฟุตบอลสโมสรระดับอาชีพ

เริ่มต้นอาชีพ

ดาวิดส์เริ่มต้นอาชีพของเขาที่อาเอฟเซ อายักซ์ ในปี 1991 การเปิดตัวครั้งแรกของเขาในวันที่ 6 กันยายน เก็บชัยชนะในบ้าน เหนือ RKC วาลวิค 5-1 เขาช่วยให้อายักซ์ได้แชมป์เอเรดิวิซี ลีกสูงสุดในประเทศถึง 3 ครั้ง รวมทั้งความสำเร็จในระดับทวีปยุโรปกับยูฟ่าคัพ 1992 และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1995 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศ ปี 1996 เขายิงจุดโทษไม่เข้าครั้งแรกของอายักซ์ ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็แพ้ให้กับยูเวนตุส ในขณะที่อายักซ์ เขาได้ฉายาว่า "พิตบูล" โดยผู้จัดการทีม หลุยส์ ฟาล กัล เนื่องจากสไตล์การเล่นอย่างดุดันของเขาในตำแหน่งกองกลาง

มิลานและยูเวนตุส

ดาวิดส์ปะทะกับผู้เล่นเอซีมิลาน เจนนาโร กัตตูโซ ในระหว่างการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่28 พฤษภาคม 2003

ในช่วงต้นฤดูกาล 1996-97 ดาวิดส์ย้ายไปประเทศอิตาลีเพื่อไปเล่นที่เอซีมิลาน หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทีมเปลี่ยนกุนซือไป 2 ครั้งและจบอันดับที่ 11 ในลีก เขาย้ายไปยูเวนตุส ซึ่งเป็นคู่แข่งในลีก ในเดือนธันวาคม 1997 ด้วยค่าตัว 5.3 ล้านปอนด์[3] ช่วงเวลาหกปีหลังจากนั้นเป็นช่วงที่เขาประสบความสำเร็จในตูริน ดาวิดส์ช่วยให้ยูเวนตุสได้แชมป์เซเรียอา ในปี 1998 2002 และ 2003 ผู้จัดการทีมยูเวนตุส มาร์เชลโล ลิปปี้ เคยอธิบายว่าเขาเป็น "ห้องเครื่องยนต์ส่วนตัว" วันที่17 พฤษภาคม 2001 ดาวิดส์ถูกแบนโดยฟีฟ่า เมื่อเขาผ่านการทดสอบสารต้องห้ามอนาบอลิค สเตียรอยด์ และนันโดรโลน[4] เขามักจะสร้างแรงบันดาลใจในทวีปยุโรป เขาลงเล่น 15 เกม ให้สโมสรตลอดเส้นทางของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2002-03 จนผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก่อนที่จะแพ้เอซีมิลานในการยิงจุดโทษ

บาร์เซโลนา

ดาวิดส์เข้าร่วมทีมบาร์เซโลนาซึ่งยืมตัวมาจากยูเวนตุส เมื่อเดือนมกราคม 2004 และได้ร่วมผ่านฤดูกาลที่สโมสรต้องดิ้นรนอยู่ในกลางตาราง และเพิ่งแต่งตั้งแฟรงค์ ไรจ์การ์ดเป็นผู้จัดการทีมภายใต้ความกดดันเป็นอย่างมาก ดาวิดส์ทำให้บาร์ซาประสบความสำเร็จ การฟื้นตัวแบบที่เคยเห็นมาจบที่อันดับสองในลีก รองจากบาเลนเซีย[5] เมื่อเดินทางมาถึง ดาวิดส์ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นแรงกระตุ้นสำหรับการสโมสรฟุตบอลในกาตาลุญญาของสเปนและสโมสรในทวีปยุโรปนี้ ในช่วงกลางถึงปลายของยุค 2000 และไรจ์การ์ดชนะลาลิกาในฤดูกาลถัดไป (หลังจากที่ 5 ปีไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุด) และได้ดับเบิลแชมป์ (ลาลิกากับยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) ในปี 2006[6]

อินเตอร์และสเปอร์ส

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2004 เขาย้ายไปอินเตอร์มิลานถาวร ด้วยสัญญา 3 ปี[7] การเล่นกับอินเตอร์สิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม 2005 ซึ่งสัญญายังเหลืออยู่อีก 1 ปี เขาย้ายไปประเทศอังกฤษเพื่อเล่นในสเปอร์สด้วยค่าตัวฟรี[8] เขาได้ประสบความสำเร็จในสเปอร์สและกลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลโดยทันที ประตูแรกและประตูเดียวของเขาคือนัดที่ชนะวีแกนนอกบ้าน 2-1[9] ดาวิดส์เล่นให้กับสเปอร์สในฤดูกาล 2005-06 และ 2006-07 ทั้งที่สโมสรได้ที่ 5 หลังจบฤดูกาล

กลับไปยังอายักซ์

ดาวิดส์กลับไปยังอายักซ์อีกครั้งเมื่อวันที่28 มกราคม 2007[10] และนัดแรกของเขาคือนัดที่อายักซ์พบทีมคู่แข่ง ไฟเยอโนร์ดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์[11] หลังจากผ่านกลางฤดูกาล ดาวิดส์ได้พิสูจน์คุณค่าสำหรับทีมอายักซ์อีกครั้ง เขาเป็นหนึ่งในกองกลางคนสำคัญในการประสานงานในการเล่นรายการดัตช์แชมเปียนชิพ ซึ่งทีมแพ้ให้กับพีเอสวีไปเพียงประตูเดียวในวันสุดท้ายของลีก นอกจากนี้เขายังมีบทบาทสำคัญในแคมเปญถ้วยของอายักซ์ เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมสำหรับการคว้าแชมป์เคเอ็นวีบีคัพสำหรับอายักซ์ จากการทำประตูจุดโทษลูกสุดท้ายในเกมพบกับอาแซด อัลค์มาร์

ดาวิดส์กอดผู้จัดการทีมอายักซ์ ดาวิด เอนท์ ในช่วงเวลาที่สองของเขากับอายักซ์ โดยมีโธมัส แฟร์มาเลน และเกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล อยู่ด้านหลัง

ก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาล 2007-08 ดาวิดส์ขาหักในเกมนัดกระชับมิตรก่อนฤดูกาลที่พบกับโก อเฮด อีเกิลส์ ทำให้เขาต้องพักข้างสนามไปนานถึงสามเดือน[12] ในเดือนพฤษภาคม 2008 ดาวิดส์กล่าวว่าเขาจะออกจากอายักซ์เมื่อสัญญาของเขาสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน[13]

อ้างอิง

🔥 Top keywords: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลหน้าหลักพระสุนทรโวหาร (ภู่)องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024สไปร์ท (แร็ปเปอร์)ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024พุ่มพวง ดวงจันทร์ดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อีดิลอัฎฮาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวราชวงศ์จักรีลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทยรายชื่อตัวละครในพระอภัยมณีหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคลทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลพระอภัยมณีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคลหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรหลานม่าอริยสัจ 4ตารางธาตุนิราศภูเขาทองรายชื่อเครื่องดนตรีเฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชคประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาปิติ ภิรมย์ภักดีวอลเลย์บอลวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย