เจ้าหญิงอลิซ | |||||
---|---|---|---|---|---|
เคาน์เตสแห่งแอธโลน | |||||
![]() | |||||
ประสูติ | 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1883(1883-02-25) บาร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร | ||||
สิ้นพระชนม์ | 3 มกราคม ค.ศ. 1981(1981-01-03) (97 ปี) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร | ||||
ฝังพระศพ | 8 มกราคม 1981 สุสานหลวงฟ็อกช์มอร์ | ||||
พระสวามี | อเล็กซานเดอร์ แคมบริดจ์ เอิร์ลที่ 1 แห่งแอธโลน | ||||
| |||||
พระบุตร | |||||
ราชวงศ์ |
| ||||
พระบิดา | เจ้าชายลีโอโพลด์ ดยุกแห่งออลบานี | ||||
พระมารดา | เจ้าหญิงเฮเลนแห่งวัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ |
เจ้าหญิงอลิซ เคาน์เตสแห่งแอธโลน หรือ อลิซ แมรี วิกตอเรีย ออกัสตา พอลีน หรือพระอิสริยยศแรกเดิม เจ้าหญิงอลิซแห่งออลบานี (อังกฤษ: Princess Alice, Countess of Athlone ; พระอิสริยยศแรกเดิม Princess Alice of Albany; 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1883 - 3 มกราคม ค.ศ. 1981) ทรงเป็นสมาชิกพระองค์หนึ่งของพระราชวงศ์อังกฤษ และพระราชนัดดาของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระองค์ทรงมีจุดเด่นที่ยังคงเป็นเจ้าหญิงในเชื้อพระวงศ์ที่มีพระชนม์ชีพยืนยาวที่สุดของพระราชวงศ์อังกฤษและพระราชนัดดาที่ทรงพระชนม์ชีพอยู่เป็นองค์สุดท้ายในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย อีกทั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา และดัชเชสแห่งแซ็กโซนี พร้อมกับทั้งเจ้าหญิงแห่งเท็คจากการอภิเษกสมรสจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1917 เมื่อพระองค์ต้องทรงสละฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร
เจ้าหญิงอลิซประสูติเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1883 ณ ปราสาทวินด์เซอร์ พระชนกของพระองค์คือ สมเด็จเจ้าฟ้าชายเลโอโพลด์ ดยุคแห่งออลบานี พระราชโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียกับเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระชนนีคือ เจ้าหญิงเฮเลนแห่งวัลเด็คและเพือร์ม็อนท์ พระองค์มีพระอนุชา 1 พระองค์คือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุคที่ 2 แห่งออลบานี ซึ่งในภายหลังทรงเป็นดยุคปกครองรัฐแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
ในฐานะที่เจ้าหญิงเป็นพระราชนัดดาในองค์พระประมุข ผ่านทางสายพระราชโอรส จึงทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ชั้นเจ้าฟ้า และฐานะพระธิดาของดยุคแห่งออลบานี ก็ยังได้ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงอลิซแห่งออลบานี (Her Royal Highness Princess Alice of Albany) อีกด้วย
เจ้าหญิงทรงเข้ารับศีลจุ่มในวันที่ 26 มีนาคม ณ โบสถ์สวดมนต์ประจำราชวงศ์ ปราสาทวินด์เซอร์ โดยมีพ่อและแม่ทูนหัวคือ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สมเด็จพระจักรพรรดินีและมกุฎราชกุมารีแห่งปรัสเซีย เจ้าหญิงชายาแห่งวัลเด็ค-พีร์มอนต์ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ เจ้าหญิงพระชายาแห่งเบ็นไธม์ เจ้าชายแห่งเวลส์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์แลนด์ แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ และ เจ้าชายวิลเฮล์มแห่งเวือร์ทเท็มแบร์ก
พระองค์ทรงมีศักดิ์เป็นพระอัยยิกา (ยาย) ใน สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน เนื่องจาก เจ้าหญิงซิบิลลาแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา เป็นพระภาติยะในพระองค์ และเป็นพระญาติชั้นที่ 1 ใน สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากพระมารดาของพระองค์ เป็นพระขนิษฐาแท้ๆใน เอ็มมาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ สมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์
เจ้าหญิงอลิซแห่งออลบานีทรงอภิเษกสมรสวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ณ โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ กับ เจ้าชายอเล็กซานเดอร์แห่งเท็ก พระอนุชาในสมเด็จพระราชินีแมรี หลังจากนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าหญิงอเล็กซานเดอร์แห่งเท็ก (Her Royal Highness Princess Alexander of Teck)
เจ้าชายและเจ้าหญิงอเล็กซานเดอร์แห่งเท็คมีพระโอรสและธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
เจ้าหญิงอลิซทรงเป็นพาหะของโรคเฮโมฟีเลีย เหมือนกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย พระอัยยิกา โดยทรงได้รับการถ่ายทอดจากพระชนก ซึ่งประชวรด้วยโรคพระโลหิตไหลไม่หยุดนี้อยู่ พระโอรสของโตของเจ้าหญิงได้รับการถ่ายทอดโรคนี้ทำให้สิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
เมื่อพระราชวงศ์อังกฤษได้เลิกใช้พระราชอิสริยยศของเยอรมันเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1917 เจ้าชายอเล็กซานเดอร์แห่งเท็คก็ทรงใช้ราชสกุลแคมบริดจ์ มาเป็นเซอร์ อเล็กซานเดอร์ แคมบริดจ์ (ระยะหนึ่ง) แล้วก็มาเป็นเอิร์ลแห่งแอธโลน โดยสละฐานันดรศักดิ์เจ้าชายแห่งเท็คของราชอาณาจักรเวือร์ทเท็มแบร์กและดำรงอิสริยยศชั้น Serene Highness ด้วยเหตุนี้พระโอรสและธิดาจึงไม่ได้มีฐานันดรศักดิ์ของเวือร์ทแท็มแบร์กไปด้วย ส่วนเจ้าหญิงอลิซได้ทรงสละพระอิสริยยศเจ้าหญิงแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาและดัชเชสแห่งแซ็กโซนี ในขณะที่เจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระอนุชา ที่ได้ทรงปฏิบัติ ราชการให้กองทัพเยอรมัน ได้ทรงถูกถอดถอนพระอิสริยยศของอังกฤษออก อย่างไรก็ดี เจ้าหญิงอลิซก็ยังทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ในชั้นเจ้าฟ้าตามราชสิทธิ์ต่อไป ในฐานะที่เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงอลิซ เคานท์เตสแห่งแอธโลน (Her Royal Highness Princess Alice, Countess of Athlone) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1917 จนกระทั่งสิ้นพระชนม์
เจ้าหญิงอลิซได้โดยเสด็จพระสวามีไปยังประเทศแคนาดาที่ทรงไปเข้ารับตำแหน่งเป็นข้าหลวงใหญ่ ตั้งแต่ค.ศ. 1940 - ค.ศ. 1946 พระองค์ยังได้ทรงเป็นข้าหลวงใหญ่แห่งแอฟริกาใต้ ตั้งแต่ ค.ศ. 1924 - ค.ศ. 1931 ด้วย ช่วงเวลาที่ประทับอยู่ในประเทศแอฟริกาใต้ ทั้งสองพระองค์มีพระตำหนักริมทะเล ที่โปรดให้สร้างไว้ที่เมืองมุยเซ็นเบิร์ก ซึ่งยังคงเห็นอยู่ในปัจจุบัน และเป็นหนึ่งให้อนุสรณ์สถานแห่งชาติของประเทศแอฟริกาใต้ Cape Town Suburb of Athlone ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ข้าหลวงใหญ่ พร้อมกับพระตำหนักริมทะเล จึงมีความหมายทางกายภาพเกี่ยวกับทีสถานประทับของทั้งสองพระองค์ในแอฟริกาใต้อีกด้วย
เจ้าหญิงอลิซได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมายตลอดพระชนม์ชีพ ทั้งยังทรงได้เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์อังกฤษจำนวน 4 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อีกทั้งยังทรงเป็นผู้บัญชาการกองทัพทหารอังกฤษ 2 กอง และกองทัพทหารโรดีเชีย 1 กอง และในปี ค.ศ. 1950 ก็ได้ทรงเป็นอธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยอินเดียตะวันตก (สมัยก่อนคือ วิทยาลัยแห่งอินเดียตะวันตก)
ลอร์ดแอธโลนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1957 ณ พระราชวังเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ส่วนเจ้าหญิงอลิซก็ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่จนถึงวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1981 และสิ้นพระชนม์ลงเมื่อพระชันษา 97 ปี 10 เดือน 9 วัน ทำให้ทรงเป็นเจ้าหญิงอังกฤษจากเชื้อพระวงศ์ที่มีพระชนม์ชีพยาวนานที่สุดและพระราชนัดดาที่มีพระชนม์ชีพยืนยาวที่สุดของสมเด็จพระราชีนีนาถวิกตอเรีย แต่กระนั้น สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนีทรงเป็นสมาชิกของพระราชวงศ์อังกฤษจากการอภิเษกสมรสที่มีพระชนม์ชีพยืนยาวที่สุดจนกระทั่งเจ้าหญิงอลิซ ดัชเชสแห่งกลอสเตอร์ ทรงทำลายสถิตินี้ลงในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยทรงดำรงพระชนม์ชีพยาวนานกว่า 100 พรรษา
พระราชพิธีฝังพระศพจัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ในปราสาทวินด์เซอร์ โดยมีสมาชิกพระราชวงศ์ทุกพระองค์ทรงเข้าร่วมพิธี พระศพของเจ้าหญิงได้ถูกฝังไว้เคียงข้างพระสวามีและพระโอรสในลานฝังพระศพประจำพระราชวงศ์ที่ฟร็อกมอร์ ตรงด้านหลังสุสานหลวงของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชอุทยานวินด์เซอร์ ส่วนพระศพของพระธิดากับพระชามาดา (ลูกเขย) ก็ฝังอยู่ไม่ไกลจากกันด้วย
เจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักร | |
---|---|
เริ่มนับรุ่นจากพระราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายจากพระเจ้าจอร์จที่ 1 ผู้ทรงริเริ่มการใช้ เจ้าชาย และ เจ้าหญิง อย่างเป็นทางการในพระราชวงศ์ ทั้งนี้ ระบุพระนามขณะที่ทรงดำรงพระอิสริยยศสูงสุด | |
รุ่นที่ 1 | |
รุ่นที่ 2 | |
รุ่นที่ 3 | |
รุ่นที่ 4 | |
รุ่นที่ 5 | |
รุ่นที่ 6 | |
รุ่นที่ 7 |
|
รุ่นที่ 8 | |
รุ่นที่ 9 | |
รุ่นที่ 10 | |
รุ่นที่ 11 | |
รุ่นที่ 12 | |
ตัวเอียง คือ เจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักรที่ถูกถอดพระอิสริยยศและผู้มีสิทธิที่ไม่ใช้พระอิสริยยศ |
โครงชีวประวัติ