เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร)
พระตำรวจเอก เจ้าพระยาราชศุภมิตร (8 มกราคม พ.ศ. 2399 - 20 เมษายน พ.ศ. 2472) เป็นขุนนางชาวสยาม ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น องคมนตรี ราชองครักษ์พิเศษ สมุหพระตำรวจ ต้นสกุล ศุภมิตร[1]
เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร) | |
---|---|
สมุหพระตำรวจ | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2456 – พ.ศ. 2469 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระยาอนุชิตชาญไชย (สาย สิงหเสนี) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 มกราคม พ.ศ. 2399 |
เสียชีวิต | 20 เมษายน พ.ศ. 2472 (73 ปี) |
คู่สมรส | ท่านผู้หญิงแปลก หม่อมกอง |
บุตร | 3 |
บุพการี |
|
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a7/Phap_Fi_Phrahat_%28nd%2C_p_22%29.jpg/220px-Phap_Fi_Phrahat_%28nd%2C_p_22%29.jpg)
ประวัติ
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีนามเดิมว่า อ๊อด เป็นบุตรพระมหาสงคราม (ศุข) กับท่านเป้า ธิดาพระยาศรีอรรคราชนารถภักดี (เมือง บุรานนท์) เกิดเมื่อเกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2399 (นับแบบใหม่)[2]
ปี พ.ศ. 2411 ได้เข้ารับราชการในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษ เวรฤทธิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงศิลปสารสราวุธ ถือศักดินา 800[3]ถึงปี พ.ศ. 2428 เลื่อนเป็นจมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ ถือศักดินา 1000[4]ต่อมาในปี พ.ศ. 2430 ได้รับพระราชทานยศ "พันตรี" ถือศักดินา 1500[5]และในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้เลื่อนเป็นพระราชวัลภานุสิษฐ์ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,000[6] โดยก่อนหน้านั้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ประจำการในตำแหน่ง ผู้บังคับการกองทหารมหาดเล็ก[7]
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2437 ได้รับแต่งตั้งเป็นองคมนตรีพร้อมทั้งเลื่อนยศและบรรดาศักดิ์เป็นนายพันโท พระยาราชวัลภานุสิษฐ์ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา 1,500[8] ปฏิบัติหน้าที่ราชองครักษ์ประจำรักษาพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร[9] อยู่ตลอดเวลาที่ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ส่งสัญญาบัตรไปพระราชทาน พระยาราชวัลภานุสิษฐ์ เป็น นายพันเอก[10] ต่อมาทรงสำเร็จการศึกษาแล้วเสด็จกลับมาประทับ ณ พระนคร ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นลำดับจนถึงนายพลตรี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446[11]และพ้นจากหน้าที่ราชองครักษ์ประจำการเพราะครบกำหนดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446[12]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ถือน้ำตั้งเป็นองคมนตรีในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2453[13] และราชองครักษ์ประจำการตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2453[14] ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นสมุหพระตำรวจตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 แทนพระยาอนุชิตชาญไชย (สาย สิงหเสนี) ที่ลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ[15] วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ได้เลื่อนยศเป็นพระตำรวจเอก[16] และในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 ทรงสถาปนาเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในหิรัญบัฏว่า เจ้าพระยาราชศุภมิตร์ วัลลภานุศิษฏ์สุรเสนี เทพวัชรีศรีมหาสวามิภักดิ์พิเศษ วิเทศจิรวาสีอัคระวราภิบาล สุจริตไพศาลสุนทรพจน์ อดุลยยศราชองครักษ์ อัคระรัตนไตรยสรณธาดา เมตตาชวาธยาศัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ ถือศักดินา 10,000[17]
ถึงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาราชศุภมิตรได้ขอลาออกจากราชการ แต่ทรงตั้งท่านเป็นผู้กำกับการกรมพระตำรวจหลวงและพระราชทานเบี้ยบำนาญเป็นกรณีพิเศษ[18]
เจ้าพระยาราชศุภมิตร ป่วยด้วยโรคชรา ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2472 ปีมะเส็ง สิริอายุ 73 ปี ได้รับพระราชทานโกศแปดเหลี่ยม ชั้นรอง 2 ชั้น ฉัตรเบญจา 4 คัน ประกอบศพเป็นเกียรติยศ[19] ได้รับพระราชทานเพลิงศพในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2473 ณ เมรุวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
ยศ
ครอบครัว
เจ้าพระยาราชศุภมิตร สมรสกับท่านผู้หญิงแปลก ในปี พ.ศ. 2438 มีบุตรได้แก่ นางวิมลา บุรานนท์ ซึ่งสมรสกับนายประจวบ บุรานนท์ มีบุตรสามคน คือ
- พล.ต.ต. อังกูร บุรานนท์ (สามีของอดีตนางงามและอดีตนางเอกชื่อดังอมรา อัศวนนท์)
- นายประวิตร บุรานนท์
- นายทนง บุรานนท์
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีภรรยาอีกหนึ่งคนคือหม่อมกอง และมีบุตรชายคือมหาเสวกตรี พระยาสมบัติบริหาร (เอื้อ ศุภมิตร)[18] ซึ่งส่งไปศึกษาเรื่องป่าไม้ที่ประเทศอินเดีย และรับราชการในกรมป่าไม้ ต่อมาได้เป็นพระยาพระคลังข้างที่ สมรสกับคุณหญิงฟองแก้ว บุตรีหลวงโยธการพิจิตร (หม่องปันโหย่ว) เจ้าของสัมปทานป่าไม้ของเชียงใหม่และกาดต้นลำไย เรือนโบราณในโรงแรมเพชรงาม จ.เชียงใหม่ ร้านอาหารเฮือนโบราณ มีบุตรคือ
- นางสุมิตรา และ
- ร.ต. อานนท์ ศุภมิตร สมรสกับท่านผู้หญิงพึงจิตต์ (บุตรีหลวงพลหาญสงคราม (จิตร อัคนิทัต) กับนางไสว อัคนิทัต)(ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2566) คุณข้าหลวงคนแรกในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีบุตรี 1 คน คือ นางจินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีบุตรี 1 คนคือ ด.ญ.โสภิภาส์ ศุภมิตร ไล
ร.ต อานนท์ ศุภมิตร มีบุตรจากการสมรสครั้งก่อนๆ คือ1 นางอรอนงค์ -เรือเอกวินัย มงกุฎทอง2 นางอังศณา -มร. คาส อดัม 3 นายอดิศร ศุภมิตร4 นายศศิพงษ์ -นางรดา ศุภมิตร5. นางอุมาภรณ์ เลสลี6. นายศิริชัย-นางพนิดา ศุภมิตร
เจ้าพระยาราชศุภมิตร มีบุตรที่เกิดกับนางทรัพย์ 1 คน คือคุณหญิงอิง อนุชิตชาญชัย ภริยาพระตำรวจโท พระยาอนุชิตชาญชัย (พงษ์ สวัสดิ์-ชูโต)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อด ศุภมิตร) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสยามและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สยาม
- พ.ศ. 2454 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.) (ฝ่ายหน้า)[24]
- พ.ศ. 2463 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[25]
- พ.ศ. 2456 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[26]
- พ.ศ. 2453 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[27]
- พ.ศ. 2462 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัลลภาภรณ์ (ว.ภ.) (ฝ่ายหน้า)[28]
- พ.ศ. 2455 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วชิรมาลา (ว.ม.ล.)[29]
- พ.ศ. 2437 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ (ร.ด.ม.(พ))[8]
- พ.ศ. 2436 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[30]
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[31]
- พ.ศ. 2464 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[32]
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 6 (ร.จ.ท.6)[33]
- พ.ศ. 2425 –
เหรียญสตพรรษมาลา (ส.ม.)
- พ.ศ. 2436 –
เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 –
เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2440 –
เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- พ.ศ. 2446 –
เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 –
เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 –
เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
อิตาลี :
เนเธอร์แลนด์ :
- พ.ศ. 2444 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซา ชั้นที่ 2[34]
- พ.ศ. 2444 –
ปรัสเซีย :
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 2[36]
- พ.ศ. 2445 –
เบลเยียม :
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลออปอล ชั้นที่ 2[36]
- พ.ศ. 2445 –
บาเดิน :
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แบร์ท็อลท์ที่ 1 ชั้นที่ 2[36]
- พ.ศ. 2445 –
ฝรั่งเศส :
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นที่ 3[36]
- พ.ศ. 2445 –
ออสเตรีย-ฮังการี :
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ฟรันทซ์ โยเซ็ฟ ชั้นที่ 2[36]
- พ.ศ. 2445 –
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- บรรณานุกรม
- สมมตอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 404 หน้า. หน้า 151-153. ISBN 974-417-534-6