อำเภอท่าฉาง | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Tha Chang |
คำขวัญ: ฟาร์มหอยแครง แหล่งกุ้งกุลาดำ แห่พระน้ำประจำปี ประเพณีแข่งเรือ ล้นเหลือนาข้าว มะพร้าวหมากพลู งามหรูธารน้ำร้อน อนุสรณ์พ่อท่านแบน หมื่นแสนตาลโตนด ของโปรดเคยกุ้ง | |
แผนที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เน้นอำเภอท่าฉาง | |
พิกัด: 9°16′51″N 99°12′3″E / 9.28083°N 99.20083°E / 9.28083; 99.20083 | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | สุราษฎร์ธานี |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 1,167.7 ตร.กม. (450.9 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 34,151 คน |
• ความหนาแน่น | 29.25 คน/ตร.กม. (75.8 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 84150 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 8411 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอท่าฉาง หมู่ที่ 2 ตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84150 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
ท่าฉาง เป็นอำเภอในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพุนพิน และอำเภอไชยา
“ท่าฉาง” เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งตามคำบอกเล่าและตำนานเกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย มีชื่อว่า “เมืองโฉลก” ชาวบ้านเรียกว่า เมืองโละในบริเวณแถบนี้มีเมืองขนอน ท่าทอง เวียงสระ และไชยา เมืองโฉลก (ท่าฉาง) ขึ้นกับเมืองไชยา เมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง สุโขทัยมีอำนาจในดินแดนแถบนี้ เมืองโละจึงขึ้นกับเมืองสุโขทัยประมาณปี พ.ศ. 1800 มีฐานะเท่าเทียมกับอยุธยา มีท้าวเป็นผู้ปกครอง
ต่อมาสมัยอยุธยาเมืองโละกลับขึ้นต่อเมืองไชยาอีกครั้งหนึ่ง เมืองโละเป็นเมืองท่าขนส่งข้าวไปสู่เมืองไชยา ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 พระยาวจีสัตนารักษ์ เจ้าเมืองไชยาได้เปลี่ยนชื่อเมืองโละมาเป็นท่าฉาง เพราะได้มาตั้งยุ้งฉางที่เมืองโละนี้ เพื่อเป็นที่เก็บข้าวที่ส่งมาทางคลองบ้านท่ามาออกคลองโละ หรือคลองท่าฉาง ผู้คนทั่วไปจึงเรียกเมืองโละ (โฉลกเป็นท่าฉางมาจนทุกวันนี้) ในตอนต้นสมัยรัชกาลที่ 6 เมืองโละได้ยกฐานะจากเมืองโฉลกเป็นอำเภอท่าฉาง มีอาณาเขตขึ้นไปถึงพุมเรียง ทิศใต้จดพุนพิน บริเวณแม่น้ำตาปีในปัจจุบัน
เดิมท้องที่นี้ก่อนยกฐานะเป็น อำเภอขึ้นอยู่ในเขตปกครองของอำเภอไชยา และอำเภอพุนพิน ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ .2451 ท้องที่ตำบลเขาถ่าน ตำบลปากฉลุย ตำบลเสวียด อำเภอพุมเรียง และตำบลท่าฉาง ตำบลท่าเคย และตำบลคลองไทร อำเภอพุนพิน ได้ถูกจัดตั้งเป็น "กิ่งอำเภอท่าฉาง"[1] และกิ่งอำเภอท่าฉางได้ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2481[2]
การเรียกชื่อ “ท่าฉาง” จากการสืบสวนและสอบถามต่อๆ กันมาได้ความว่า ในสมัยที่ราษฎรต้องเสีย “ส่วย” หรือ “อากร” ให้แก่รัฐเป็นสิ่งของแทนเงินนั้น เนื่องจากท้องที่บริเวณนี้ราษฎรส่วนใหญ่มีอาชีพในการทำนา ฉะนั้น “ส่วย” หรือ “อากร” ที่ราษฎร์ต้องเสียเพื่อให้รัฐได้นำไปช่วยเหลือในการทำนุบำรุงบ้านเมืองและป้องกันประเทศชาติ ก็ใช้ข้าวเปลือกที่ได้จากการทำนามาเป็นสวย จากการที่ราษฎรต้องใช้ข้าวเปลือกเป็นส่วย จึงได้สร้างที่เก็บข้าวเปลือกเป็นแหล่งกลางขึ้นเรียกว่า “ยุ้ง” หรือ “ฉาง” สำหรับรับข้าวเปลือกจากราษฎร์ และต้องสร้างขึ้นตามริมคลองเพื่อสะดวกในการลำเลียงขนส่งไปยังเมืองต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยทางเรือจึงต้องมีท่าเทียบเรือสำหรับรับข้าวจากฉาง เพื่อส่งเป็นการส่งส่วยหรืออากรตามกล่าวมาแล้ว ราษฎรจึงเรียกรวมกันว่า “ท่าฉาง” และเรียกต่อๆ กันมา[3]
อำเภอท่าฉางตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
อำเภอท่าฉางแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล 46 หมู่บ้าน ได้แก่
|
ท้องที่อำเภอท่าฉางประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง ได้แก่
อำเภอ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประวัติศาสตร์ | |||||||||
ภูมิศาสตร์ | |||||||||
เศรษฐกิจ |
| ||||||||
สังคม |
| ||||||||