ลาร์รีย์ เอลลิสัน
ลอเรนซ์ โจเซฟ เอลลิสัน (อังกฤษ: Lawrence Joseph Ellison เกิด 17 สิงหาคม 2487 รู้จักโดยทั่วไปว่า ลาร์รีย์ เอลลิสัน) เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน และนักการกุศลชาวอเมริกัน เป็นผู้จัดตั้ง ประธานบริหาร และหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของออราเคิลคอร์ปอเรชันโดยเดือนสิงหาคม 2560 นิตยสารฟอบส์จัดเขาเป็นคนรวยที่สุดอันดับ 5 ในสหรัฐอเมริกาและอันดับ 7 ในโลก โดยมีทรัพย์สมบัติถึง 61,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,008,500 ล้านบาท)[3]
ลาร์รีย์ เอลลิสัน (Larry Ellison) | |
---|---|
![]() ลาร์รีย์ เอลลิสันเมื่อปี 2559 | |
เกิด | ลาร์รีย์ โจเซฟ เอ็ลลิสัน สิงหาคม 17, 1944 แมนแฮตตัน รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา |
สัญชาติ | อเมริกัน |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยอิลลินอย เออร์แบนา-แชมเปญจน์ มหาวิทยาลัยชิคาโก |
อาชีพ | ประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี[1] |
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2509–ปัจจุบัน |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของบริษัทของออราเคิลคอร์ปอเรชัน |
คู่สมรส |
|
บุตร | David Ellison Megan Ellison |
เว็บไซต์ | Larry Ellison |
เอลลิสันเกิดในนครนิวยอร์กและโตขึ้นในเมืองชิคาโกเขาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิลลินอย เออร์แบนา-แชมเปญจน์และมหาวิทยาลัยชิคาโก แต่ไม่จบการศึกษาก่อนย้ายไปอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2509เมื่อกำลังทำงานให้แก่บริษัท Ampex ในต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 ความสนใจในงานวิจัยฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ของ ดร. Edgar F. Codd ได้ทำให้เขาจัดตั้งบริษัทซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นออราเคิลคอร์ปอเรชันในปี 2520บริษัทได้ขายระบบฐานข้อมูลในระดับล่างจนถึงกลาง แข่งขันกับ Sybase และ ไมโครซอฟท์ ซีควลเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นเหตุให้นิตยสารฟอบส์จัดเขาว่าเป็นคนมั่งคั่งที่สุดคนหนึ่งในโลก
เอลลิสันได้บริจาคทรัพย์ของเขา 1% ให้กับการกุศลและได้ลงนามกับองค์กรสัญญาว่าจะให้ (The Giving Pledge) ซึ่งผู้ลงนามปกติสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแก่สาธารณกุศลไม่ว่าจะเมื่อยังมีชีวิตอยู่หรือเมื่อเสียชีวิตนอกจากงานที่บริษัท เอลลิสันยังประสบความสำเร็จในการแข่งเรือยอชต์โดยเป็นส่วนของทีม Oracle Team USAเขามีใบอนุญาตขับเครื่องบินและเป็นเจ้าของเครื่องบินไอพ่นทหาร 2 ลำ[4]
การกุศล
ในปี 2532 ข้อศอกของเอลลิสันแตกในอุบัติเหตุจักรยานยนต์ความเร็วสูงเมื่อเสาะหาศัลยแพทย์กระดูกที่เก่ง เขาได้พบ นพ. ไมเคิล แช็ปแมนที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิสเพราะประทับใจในการดูแล เอลลิสันจึงได้บริจาคทรัพย์ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 162.5 ล้านบาท) สนับสนุนการสร้างศูนย์วิจัยกล้ามเนื้อ-กระดูกลอเรนซ์ เจ เอลลิสันต่อมาในปี 2541 ศูนย์คนไข้นอกลอเรนซ์ เจ เอลลิสัน (Lawrence J. Ellison Ambulatory Care) จึงได้เปิดที่เมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย[5]
เพื่อจะยุติการฟ้องศาลในข้อหาการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายในเนื่องกับการขายหุ้นของออราเคิลมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ศาลได้อนุญาตให้เขาบริจาคทรัพย์มูลค่า 100 ล้านเหรียญ (ประมาณ 3,250 ล้านบาท) ให้กับมูลนิธิการกุศลของเขาเองโดยไม่ต้องยอมรับความผิดแต่ศาลแคลิฟอร์เนียไม่ยอมให้บริษัทจ่ายค่าใช้จ่ายในการสู้คดีกว่า 24 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งทนายของเขาได้อ้างว่า ถ้าเอลลิสันจ่ายเอง อาจจะมองได้ว่าเขายอมรับความผิดการบริจาคทรัพย์ให้กับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของเขา ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความเป็นกลางของศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยสองท่านผู้ได้ตรวจสอบคดีเพื่อบริษัท[6]
โดยตอบสนองต่อเหตุการณ์เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544เอลลิสันได้เสนอบริจาคซอฟต์แวร์ให้แก่รัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อให้สร้างและดำเนินการฐานข้อมูลประชาชนและเพื่อให้เริ่มใช้บัตรประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้ก่อข้อโต้แย้งอย่างมาก[7]
รายการบริจาคทรัพย์เพื่อการกุศลของคนอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุดโดยนิตยสารฟอบส์ปี 2547 แสดงว่า เอลลิสันได้บริจาคทรัพย์ $151,092,103 (ประมาณ 5,000 ล้านบาท) หรือประมาณ 1% ของทรัพย์สินส่วนตัว[8]
ในเดือนมิถุนายนปี 2549 เอลลิสันประกาศว่าเขาจะกลับคำพูดว่าจะให้ทรัพย์สินมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐแก่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพราะอธิการบดีลอเร็นซ์ ซัมเมอร์สได้ลาจากมหาวิทยาลัยไปผู้แถลงข่าวของบริษัทได้แถลงว่า "โครงการเป็นไอเดียของลาร์รีย์ ซัมเมอร์ส และเมื่อมันปรากฏว่า ลาร์รีย์ ซัมเมอร์สกำลังลาจากไป ลาร์รีย์ เอลลิสันจึงได้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่ไอเดียนี้มาจากลาร์รีย์ เอลลิสันและลาร์รีย์ ซัมเมอร์สตั้งแต่ต้น"[9]
ในปี 2550 เอลลิสันสัญญาว่าจะให้ 500,000 เหรียญสหรัฐ (16.25 ล้านบาท) แก่ศูนย์ชุมชนแห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล หลังจากที่พบว่า อาคารไม่ได้เสริมป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธ[10]การบริจาคเพื่อการกุศลอื่น ๆ ของเขารวมทั้งทรัพย์มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (325 ล้านบาท) แก่องค์กร Friends of the Israel Defense Forces ในปี 2557 ซึ่งเขากล่าวว่า "ในใจของผม มันไม่มีเกียรติอื่นเหนือกว่าการสนับสนุนคนกล้าหาญที่สุดในโลกพวกหนึ่ง...ชายและหญิงเหล่านี้ร่วมมือกันเพื่อจุดหมายอันไม่มีการล้มเลิก คือ เพื่อป้องกันอิสราเอลและพยายามอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข"[11]ในปี 2560 เอลลิสันบริจาคทรัพย์ 16.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (539.5 ล้านบาท) แก่ Friends of the Israel Defense Forcesซึ่งจะช่วยสร้างอาคารสวัสดิภาพในค่ายทหารใหม่สำหรับทหารเกณฑ์ชายหญิง[12]
ในเดือนสิงหาคม 2553 มีรายงานว่า เอลลิสันเป็นหนึ่งในอภิมหาเศรษฐี 40 คนที่ได้ลงนามกับองค์กรสัญญาว่าจะให้[13][14]โดยเขาเขียนแถลงเหตุไว้ว่า "หลายปีก่อน ผมได้มอบทรัพย์สมบัติแทบทั้งหมดของผมให้แก่ทรัสต์ หมายจะให้สมบัติอย่างน้อย 95% เพื่อการกุศลผมได้ให้ทรัพย์มูลค่าเป็นร้อย ๆ ล้านเหรียญเพื่อการวิจัยทางการแพทย์และการศึกษา และผมจะให้เป็นพัน ๆ ล้านอีกต่อไปจนกระทั่งบัดนี้ ผมได้ให้อย่างเงียบ ๆ เพราะผมเชื่อมานานแล้วว่า การให้เพื่อการกุศลเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรประกาศ"[15]
ในเดือนพฤษภาคม 2559 เอลลิสันได้บริจาค 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,500 ล้านบาท) แก่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) เพื่อตั้งศูนย์วิจัยมะเร็งชื่อว่า สถาบันลอเรนซ์ เจ เอลลิสันเพื่อการแพทย์เปลี่ยนชีวิตแห่ง USC
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- Symonds, Matthew (2004). Softwar: An Intimate Portrait of Larry Ellison and Oracle. Simon & Schuster. ISBN 978-0-7432-2505-2.
- Stone, Florence M. (2002). The Oracle of Oracle: The Story of Volatile CEO Larry Ellison and the Strategies Behind His Company's Phenomenal Success (1 ed.). AMACOM. ISBN 978-0-8144-0639-7.
- Wilson, Mike (2003). The Difference Between God and Larry Ellison: *God Doesn't Think He's Larry Ellison. Harper Paperbacks. ISBN 978-0-06-000876-5.
- Filion, Avra Amar (2014). The Ellison Effect. Motivational Press. ISBN 978-1-6286-5124-9.
- Profile เก็บถาวร 2013-06-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at Oracle Corporation
- Profile at Forbes
- Biography at BBC News
- ข้อมูลการออกสื่อ บน ซี-สแปน
- ลาร์รีย์ เอลลิสัน ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- งานโดยหรือเกี่ยวกับ ลาร์รีย์ เอลลิสัน ในห้องสมุดต่าง ๆ ในแคตาลอกของเวิลด์แคต
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)