ฟาฏิมะ อัลบุเดรี
ฟาฏิมะ มุซา อัลบุเดรี (อาหรับ: فاطمة موسى البديري; อักษรโรมัน: Fatima Musa Al-Budairi; ค.ศ. 1923 – มิถุนายน ค.ศ. 2009) เป็นผู้จัดรายการวิทยุและภัณฑารักษ์ชาวปาเลสไตน์ เธอเริ่มต้นอาชีพนักวิทยุที่สถานีวิทยุเยรูซาเลมคอลลิง ซึ่งออกอากาศและผลิตรายการ รวมถึงทำงานในฐานะผู้ช่วยรายการสตรี และการวิเคราะห์ความเกี่ยวพันทางวรรณกรรม ตลอดจนนักจัดรายการวิทยุ นอกจากนี้ อัลบุเดรียังทำงานในประเทศซีเรีย, จอร์แดน และปาเลสไตน์ เธอยังทำงานให้แก่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ และที่หอสมุดมหาวิทยาลัยจอร์แดน ซึ่งอัลบุเดรีได้รับการยอมรับจากศูนย์นักข่าวสตรีอาหรับ
ฟาฏิมะ อัลบุเดรี | |
---|---|
เกิด | ฟาฏิมะ มุซา อัลบุเดรี แม่แบบ:Birth year เยรูซาเลม ปาเลสไตน์ในอาณัติ |
เสียชีวิต | แม่แบบ:Death year อัมมาน ประเทศจอร์แดน |
สัญชาติ | ชาวปาเลสไตน์ |
อาชีพ | นักจัดรายการวิทยุ |
ปีปฏิบัติงาน | ค.ศ. 1946–1983 |
นายจ้าง | เยรูซาเลมคอลลิง (ค.ศ. 1946–1948) |
คู่สมรส | อิศอม ฮัมมัด (สมรส 1948; 2006) |
บุตร | 2 คน |
ชีวิตในวัยเด็กและการศึกษา
เธอเกิดที่เยรูซาเลมใน ค.ศ. 1923[1] เชื้อสายของอัลบุเดรีสืบย้อนไปถึงตระกูลโบราณที่มีรากฐานมาจากเยรูซาเลม[2] เธอเป็นลูกสาวของผู้พิพากษาชะรีอะฮ์ เชค มูซา อัลบุเดรี ซึ่งทำงานในเยรูซาเลม และถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนที่มัสยิดอัลอักศอ[3] ทั้งนี้ อัลบุเดรีได้รับการศึกษาที่วิทยาลัยครู เยรูซาเลม ซึ่งเธอสำเร็จการศึกษาใน ค.ศ. 1941[1][2] เธอได้รับการศึกษาครั้งแรกในเบธเลเฮม จากนั้น ได้ไปสอนที่บ้านครูชนบทในรอมัลลอฮ์[2]
อาชีพ
ในช่วงต้น ค.ศ. 1946 อัลบุเดรีได้ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุเยรูซาเลมคอลลิงในฐานะผู้ประกาศและโปรดิวเซอร์[1][2] โดยพ่อของเธอไม่ได้คัดค้านการเลือกอาชีพของเธอ[3] อัลบุเดรีทำงานเป็นผู้ช่วยรายการสตรี และการวิเคราะห์ความเกี่ยวพันทางวรรณกรรม ตลอดจนการออกอากาศข่าว กระทั่งเธอออกจากการเป็นผู้ประกาศข่าวใน ค.ศ. 1947[4] ครั้นใน ค.ศ. 1949 อัลบุเดรีย้ายไปที่ดามัสกัสในลิแวนต์ และร่วมก่อตั้งเรดิโออัสซามกับสามีของเธอ[2][4] แล้วเธอย้ายไปอยู่ที่รอมัลลอฮ์ใน ค.ศ. 1952 และได้รับการขอให้ออกอากาศข่าวทุกวันทางสถานีวิทยุในขณะที่ทำงานด้านการศึกษา[4] ต่อมา อัลบุเดรีได้ย้ายไปอยู่ที่เบอร์ลินตะวันออกใน ค.ศ. 1957 โดยออกอากาศข่าวทางวิทยุเบอร์ลินอาหรับและวิทยุเยอรมันตะวันออกเป็นเวลาเจ็ดปี[2][4]
เธอกลับมาที่รอมัลลอฮ์ใน ค.ศ. 1965 จากนั้น จึงย้ายไปอยู่ที่อัมมานในอีกสองปีต่อมา[2] อัลบุเดรีทำหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ของห้องสมุดที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ระหว่าง ค.ศ. 1965 ถึง 1971 รวมทั้งต่อมาในแผนกการจำแนกหมวดหมู่ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยจอร์แดนระหว่าง ค.ศ. 1978 ถึง 1983[1] เธอเข้าร่วมในการประชุมอาหรับและนานาชาติหลายครั้งด้วยประสบการณ์ทางวิชาชีพภายใต้การศึกษาที่หลากหลาย และเคยได้วิจัยเพื่อจุดประสงค์ของบทบาทสตรีอาหรับในสื่อ[2]
ชีวิตส่วนตัว
อัลบุเดรีแต่งงานกับอิศอม ฮัมมัด ซึ่งเป็นกวี, นักจัดรายการวิทยุ และนักเขียนชาวปาเลสไตน์ระหว่าง ค.ศ. 1948 ถึง 2006[2] พวกเขามีลูกด้วยกันสองคนของชีวิตการแต่งงาน[5] ครั้นต้นเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 เธอได้เสียชีวิตที่อัมมาน[4] ซึ่งแม้ว่าอัลบุเดรีจะฝันถึงพิธีฝังศพในเยรูซาเลม แต่เธอกลับได้รับการฝังในอัมมานแทน[3]
สิ่งสืบทอด
การประกาศข่าวมรณกรรมของหนังสือพิมพ์อัรรายระบุว่าเธอเป็น "สตรีชาวเยรูซาเลมที่น่ามหัศจรรย์"[5] ส่วนไอดา อันนัจญาร์ ซึ่งเป็นนักเขียน กล่าวว่าอัลบุเดรีทำตัวเป็น “ผู้ประกาศข่าวการเมืองเพื่อเป็นผู้นำในหมู่สตรี รวมทั้งในงานนี้และเพื่อร่วมงานกับผู้ชาย”[2] ขณะที่หนังสือพิมพ์อัดดัสตัวร์ตั้งข้อสังเกตว่าเธอเป็น "ผู้บุกเบิกสถานีวิทยุอาหรับ และเป็นกระแสเสียงผู้หญิงเพียงคนเดียวที่แข่งกับเสียงของผู้ชายทางวิทยุ"[3] ตลอดจนอัลบุเดรีได้รับการยอมรับจากศูนย์นักข่าวสตรีอาหรับ[3]