พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิตนฤมล
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร | |
---|---|
พระวรวงศ์เธอ ชั้น 5 พระองค์เจ้าชั้นตรี | |
ประสูติ | 27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 |
สิ้นพระชนม์ | 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 (88 ปี) |
พระราชทานเพลิง | 7 กันยายน พ.ศ. 2553 เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส |
สวามี | หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย |
พระบุตร | หม่อมราชวงศ์เฉลิมฉัตร วุฒิชัย หม่อมราชวงศ์พร้อมฉัตร สวัสดิวัตน์ |
ราชสกุล | ฉัตรชัย (โดยประสูติ) วุฒิชัย (โดยเสกสมรส) |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน |
พระมารดา | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิตนฤมล |
ศาสนา | พุทธ |
พระประวัติ
พระประวัติช่วงต้น
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร มีพระนามลำลองว่า พระองค์หญิงตุ๊[1] เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิตนฤมล ประสูติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 มีพระโสทรเชษฐาและพระโสทรเชษฐภคินี 3 พระองค์ ได้แก่
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร (7 มีนาคม พ.ศ. 2448 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2513)
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง (11 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 6 เมษายน พ.ศ. 2454)
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร (12 สิงหาคม พ.ศ. 2458 - 24 กรกฎาคม 2524)
มีพระภคินีและพระอนุชาต่างมารดาอีก 8 องค์ คือ ท่านผู้หญิงฉัตรสุดา วงศ์ทองศรี, หม่อมเจ้ากาญจนฉัตร สุขสวัสดิ์, หม่อมเจ้าภัทรลดา ดิศกุล, หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย, ท่านหญิงเฟื่องฉัตร ดิศกุล, ท่านหญิงหิรัญฉัตร เอ็ดเวิร์ดส, หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย และหม่อมเจ้าพิบูลฉัตร ฉัตรชัย
เสกสมรส
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตรเสกสมรสกับ นาวาโท หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย (พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร กับหม่อมเจ้าพร้อมเพราพรรณ วุฒิชัย) มีพระโอรสธิดาสองคน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์เฉลิมฉัตร วุฒิชัย สมรสกับเอมอร วุฒิชัย ณ อยุธยา (สกุลเดิม บุษบงก์) มีบุตรธิดาสองคน ได้แก่
- หม่อมหลวงอภิชิต วุฒิชัย
- หม่อมหลวงอาทิตรา วุฒิชัย
- หม่อมราชวงศ์พร้อมฉัตร สวัสดิวัตน์ สมรสกับหม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ มีธิดาสองคน ได้แก่
- หม่อมหลวงศศิภา สวัสดิวัตน์
- หม่อมหลวงจันทราภา สวัสดิวัตน์
สิ้นพระชนม์
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร เสด็จเข้ารักษาพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ก่อนสิ้นพระชนม์ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิตขั้นรุนแรงและพระวักกะ(ไต)วายเฉียบพลัน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน สิริพระชันษา 88 ปี[2]
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ ณ ศาลาภาณุรังษี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปสรงพระศพ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระโกศราชวงศ์ ทรงรับพระศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 คืน
โดยวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ (ภายหลังคือท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี) เสด็จไปทรงสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ ณ ศาลาภาณุรังษี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ในวันต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เสด็จไปทรงสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ ณ ศาลาภาณุรังษี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
และวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศล ประทานในการออกพระเมรุพระศพ ณ ศาลาภาณุรังษี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และวันที่ 7 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการพระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส การนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ โดยเสด็จด้วย
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร เป็นพระอนุวงศ์ชั้น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ที่ดำรงพระชนม์ชีพอยู่เป็นพระองค์สุดท้ายในขณะนั้น หลังจากนั้นพระอิสริยยศนี้ได้เว้นว่างไป 15 ปี ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล ขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เมื่อปี พ.ศ. 2567
การทรงงาน
- พ.ศ. 2490 - 2491 ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนมาแตร์เดอี
- พ.ศ. 2496 - 2500 ผู้ตรวจพิสูจน์อักษร หนังสือพิมพ์แสตนดาร์ด
- พ.ศ. 2501 – 2502 โฆษกแผนกภาษาไทย สถานีวิทยุ บีบีซี กรุงลอนดอน (ครั้งที่ 1)
- พ.ศ. 2503 – 2504 เจ้าหน้าที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ ของกรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร
- พ.ศ. 2504 - 2510 โฆษกแผนกภาษาไทย สถานีวิทยุ บีบีซี กรุงลอนดอน (ครั้งที่ 2)
- พ.ศ. 2511 - 2512 สำนักงานแถลงข่าวอังกฤษ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย
- พ.ศ. 2513 – 2525 รองกงสุลแผนกวีซ่า สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย
- พ.ศ. 2526 - 2527 อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- พ.ศ. 2528 - 2530 อาจารย์สอนพิเศษภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนที่เตรียมศึกษาต่อต่างประเทศ
พระกรณียกิจ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร เป็นองค์ประธานขององค์การ และกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิต่าง ๆ ซึ่งล้วนดำเนินงานเพื่อประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม อันเป็นการพัฒนาสังคมดังนี้
- องค์ประธานมูลนิธิสวนหลวง ร.9 ในพระบรมราชูปถัมภ์
- องค์ประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- องค์นายกมูลนิธิช่วยนักเรียนขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- องค์ประธานกรรมการจัดทุน สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
- องค์ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
- องค์ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา
- องค์ประธานที่ปรึกษามูลนิธิศูนย์กลางประสานงานพัฒนาชนบท
- องค์ประธานมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80
- องค์ประธานที่ปรึกษามูลนิธิเพชรภาษา
- อดีตองค์ประธานซีไรท์อวอร์ด
- องค์อุปถัมภ์ชมรมหัวใจไร้สาร และ ปปส.
พระเกียรติยศ
ธรรมเนียมพระยศของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร | |
---|---|
การทูล | ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน |
การขานรับ | เกล้ากระหม่อม/เพคะ |
พระอิสริยยศ
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2539 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[3]
- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[4]
- พ.ศ. 2530 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)[5]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)
- พ.ศ. 2484 – เหรียญช่วยราชการเขตภายใน การรบสงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ร.)[6]
- พ.ศ. 2538 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2 (ภ.ป.ร.2)[7]
- พ.ศ. 2493 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2514 – เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
พระเกียรติคุณที่ได้รับ
- พ.ศ. 2536 ปริญญาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาศิลปกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
- พ.ศ. 2540 ปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยสยาม
- พ.ศ. 2541 โล่รางวัล “มหิดลวรานุสรณ์”
- พ.ศ. 2542 ปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา