ดาบพิฆาตอสูร
ดาบพิฆาตอสูร (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba; ทับศัพท์: คิเม็ตสึ โนะ ไยบะ) เป็นซีรีส์หนังสือการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่น เขียนเรื่องโดย โคโยฮารุ โกโตเกะ เนื้อหากล่าวถึงคามาโดะ ทันจิโร่ เด็กหนุ่มผู้กลายเป็นนักล่าอสูรหลังจากครอบครัวของตนถูกอสูรฆ่าตายทั้งหมด ยกเว้นเพียงน้องสาวที่ชื่อเนซึโกะเท่านั้นที่ได้กลายเป็นอสูรไป เขาจึงตั้งปณิธานว่าจะหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิมให้ได้ การ์ตูนชุดนี้เริ่มตีพิมพ์เป็นรายตอนในนิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ มาตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 และสำนักพิมพ์ชูเอฉะได้จัดพิมพ์ในรูปแบบหนังสือการ์ตูนรวมเล่ม (ทังโคบง) แล้ว จำนวน 19 เล่ม ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 และจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์
ดาบพิฆาตอสูร | |
ปกหนังสือมังงะการ์ตูนดาบพิฆาตอสูร เล่มที่ 1 ฉบับภาษาไทย | |
鬼滅の刃 (Kimetsu no Yaiba) | |
---|---|
ชื่อภาษาอังกฤษ | Demon slayer |
แนว | ผจญภัย,[1] ดาร์กแฟนตาซี[2] |
มังงะ | |
เขียนโดย | โคโยฮารุ โกโตะเกะ |
สำนักพิมพ์ | ชูเอฉะ |
สำนักพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ | Viz Media สยามอินเตอร์คอมิกส์ |
นิตยสาร | โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ |
กลุ่มเป้าหมาย | โชเน็ง |
วางจำหน่ายตั้งแต่ | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 – 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 |
จำนวนเล่ม | 23 เล่ม 23 เล่ม |
อนิเมะโทรทัศน์ | |
กำกับโดย | ฮารุโอะ โซโตะซากิ |
อำนวยการโดย | ฮิคารุ คนโดะ อะคิฟุมิ ฟุจิโอะ มาซาโนริ มิยาเกะ ยูมะ ทาคาฮาชิ |
เขียนบทโดย | ยูโฟเทเบิล (Ufotable) |
ดนตรีโดย | ยูกิ คาจิอูระ โก ชิอินะ |
สตูดิโอ | ยูโฟเทเบิล (Ufotable) |
ถือสิทธิ์โดย | มิวส์ คอมมิวนิเคชัน (ออนไลน์) การ์ตูนคลับ |
ฉาย | 6 เมษายน พ.ศ. 2562 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 (ฟูจิ) 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567 (มิวส์) 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 - ปัจจุบัน (ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี) |
ตอน | 63 ตอน |
อนิเมะ | |
กำกับโดย | ฮารุโอะ โซโตะซากิ |
สตูดิโอ | ยูโฟเทเบิล (Ufotable) |
หนังสือการ์ตูนชุดนี้มีการพิมพ์ซ้ำแล้ว 25 ล้านเล่ม ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ส่วนการ์ตูนแอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ก็ได้รับรางวัลหลายรายการจากเวทีการประกวด 2019 Newtype Anime Awards
หนังสือการ์ตูนชุดนี้ ได้มีการนำไปดัดแปลงสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นทางโทรทัศน์ โดยสตูดิโอยูโฟเทเบิล (Ufotable) โดยผลิตเป็นแอนิเมชั่นฉายรายสัปดาห์บนโทรทัศน์ ออกอากาศระหว่างวันที่ 6 เมษายน ถึง 28 กันยายน พ.ศ. 2562 หลังจากการออกอากาศทางโทรทัศน์สิ้นสุดหลัง ก็ได้มีการประกาศสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคต่อทันที โดยมีกำหนดจะเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563 และกลายเป็นภาพยนตร์อนิเมะและและภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล หลังจากกวาดรายได้ถล่มถลายในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 ดาบพิฆาตอสูรก็ได้มีการประกาศว่า จะมีแอนิเมชั่นฉายรายสัปดาห์บนโทรทัศน์ต่อเป็น ฤดูกาลที่ 2 โดยประกอบไปด้วยสององก์ องก์แรกเป็นการนำภาพยนตร์ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ มาดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่นฉายรายสัปดาห์จำนวน 6 ตอน พร้อม 1 ตอนพิเศษ และองก์ที่สองเป็นภาคต่อถัดจากภาพยนตร์ ในชื่อ ดาบพิฆาตอสูร ภาคย่านเริงรมย์
และหลังจากที่ฤดูกาลที่ 2 ออกอากาศจบลง ก็ได้มีการประกาศสร้างแอนิเมชั่นฉายรายสัปดาห์ต่อเป็น ฤดูกาลที่ 3 ทันที ในชื่อ ดาบพิฆาตอสูร ภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ โดยก่อนที่จะเริ่มฉาย แอนิเพล็กซ์ได้ประกาศนำ 2 ตอนสุดท้ายของภาคย่านเริงรมย์ กับตอนที่ 1 ของภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ มาเรียบเรียงเป็นภาพยนตร์ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: สู่หมู่บ้านช่างตีดาบ โดยมีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 (ประเทศไทยมีกำหนดเข้าฉาย 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) เพื่อให้สอดคล้องกับการออกอากาศของแอนิเมชั่นรายสัปดาห์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ต่อไป ในขณะที่ฤดูกาลที่สาม ประกอบไปด้วยภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ ออกอากาศตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน พ.ศ. 2566 ประกอบไปด้วยฤดูกาลที่สี่ที่จะได้รับการประกาศ
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นยุคไทโช คามาโดะ ทันจิโร่ เป็นเด็กหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยนและเฉลียวฉลาด ในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัวคนเผาถ่าน เขาจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวจากการเผาถ่านไปขายหลังจากพ่อของเขาเสียชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีอสูรบุกเข้ามาสังหารคนในครอบครัวของทันจิโร่ จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงเขาและน้องสาวที่ชื่อเนซึโกะเท่านั้น เนซึโกะที่รอดตายมาได้กลับกลายเป็นได้รับเลือดของอสูรจนกลายเป็นอสูรไป ทว่าก็น่าประหลาดใจที่เธอยังคงมีความรู้สึกนึกคิดและการแสดงอารมณ์อย่างมนุษย์ยิ่งคงหลงเหลืออยู่ หลังจากที่ทันจิโร่ได้ต่อสู้กับโทมิโอกะ กิยู นักล่าอสูรที่เดินทางผ่านมาและต้องการจะฆ่าเนซึโกะที่กลายเป็นอสูรไปแล้ว แต่เมื่อกิยูเห็นเนซึโกะปกป้องทันจิโร่ที่เป็นมนุษย์ กิยูได้จึงไว้ชีวิตเนซึโกะ และเขาจึงทำให้เนซึโกะหมดสติ และเขาจึงให้เนซึโกะคาบกระบอกไม้ไผ่ เอาไว้ในปากของเธอตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เธอทำร้ายมนุษย์ ทันจิโร่จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักล่าอสูรตามคำชักชวนของกิยู เพื่อหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ และกำจัดอสูรที่ฆ่าครอบครัวของเขาให้จงได้[3]
รูปแบบสื่อ
มังงะ
ผู้เขียนเรื่องและภาพเรื่องคือ โคโยฮารุ โกโตะเกะ หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้เริ่มในปี พ.ศ. 2559 ตีพิมพ์ครั้งที่ 11 ของชูเอะชะ นิตยสารโชเน็งจัมพ์รายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559[4] บริษัทชูเอะชะเริ่มออกตัวซีรีส์หนังสือการ์ตูนพร้อมกันในภาษาอังกฤษ บนบริการของมังงะเซอร์วิส ในปี พ.ศ. 2562 หนังสือการ์ตูนมังงะนี้ได้รับการรวบรวมเป็นหนังสือเล่ม (ทังโคบง) กับเล่มแรกกำลังเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559[5] ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 หนังสือมังงะได้ปล่อยเป็น 19 เล่ม[6] ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2563 ก็ประกาศว่ามีเล่มที่ 20 ที่ล่าช้าไปสองสัปดาห์เนื่องจากความกังวลของการระบาดไวรัสโควิด 19[7] ในปี พ.ศ. 2564 ก็ได้มีการออกเล่มสุดท้ายคือเล่มที่ 23 ถือว่าจบโดยบริบูรณ์
นวนิยายไลต์โนเวล
นวนิยายไลต์โนเวลได้มีการสิทธิคือ ดาบพิฆาตอสูร: ความสุขแห่งดอกไม้ (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃 しあわせの花; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba Shiawase no Hana) เขียนแต่งนิยายโดย โคโยฮารุ โกโตเกะ และ ยาจิมะ อายะ ตีพิมพ์นิยายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 บันทึกชีวิตของทันจิโร่และเซ็นอิตสึก่อนที่จะเริ่มซีรีส์หลัก เช่นเดียวกับการมองเข้าไปในชีวิตของอะโอะอิและคะนะโอะ[8] นอกจากนี้ยังมีบทเดียวของจักรวาลสำรองที่ตัวละครในซีรีส์กำลังเข้าร่วมโรงเรียนมัธยม
นวนิยายไลต์โนเวลที่ 2 ได้มีการสิทธิคือ ดาบพิฆาตอสูร: หนึ่งปีกแห่งผีเสื้อ (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃 片羽の蝶; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba Katahane no Chō) เขียนแต่งนิยายโดย โคโยฮารุ โกโตเกะ และ ยาจิมะ อายะ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 รายละเอียดชีวิตของโคโจ ชิโนะบุ และคะนะเอะ ก่อนและไม่นานหลังจากนั้นพวกเธอเข้าร่วมเหล่านักล่าอสูร หลังจากฮิเมะจิมะ เกียวเม ช่วยชีวิตพวกเขา[9][10]
อนิเมะ
โทรทัศน์ซีรีส์อนิเมะ ถูกดัดแปลงโดยสตูดีโอยูโฟเทเบิล (Ufotable) ถูกประกาศในการตีพิมพ์ครั้งที่ 27 ของโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561[11] ซีรีส์อนิเมะได้ออกอากาศเมื่อวันที่ 6 เมษายน - 28 กันยายน พ.ศ. 2559 ออกอากาศในช่อง โตเกียว เอ็มเอ็กซ์, กุนมะทีวี (GTV), โทชิกิทีวี (GYT), สถานีโทรทัศน์นิปปอนบีเอส (BS11) และช่องโทรทัศน์อื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น[12][13] อนิเมะเรื่องนี้กำกับโดย โซะโตะซากิ ฮารุโอะ กับสคริปต์เรื่องราวโดยทีมงานยูโฟเทเบิล ผู้ประพันธ์เพลงประกอบเรื่องอนิเมะคือ คะจิอุระ ยูกิ และชีอีนะ โก และดีไซน์ตัวละครคือ มัตสึชิมะ อะคิระ โปรดิวเซอร์คือ คนโดะ ฮิคะรุ[14] ในเพลงเปิดประกอบเรื่องคือเพลง กุเรนเกะ (ญี่ปุ่น: 紅蓮華; โรมาจิ: Gurenge แปล: ดอกบัวสีแดง) ศิลปินโดย ลิซ่า (โอะริเบะ ริซะ)[15] ในขณะช่วงเพลงประกอบจบในเรื่องคือ ฟอร์มดิเอจ (อังกฤษ: Form the edge) ศิลปินโดยฟิคชั่นจังค์ชั่น (FictionJunction) ร้องคู่กับลิซ่า[16] ในเพลงจบของเรื่องสำหรับตอนที่ 19 คือ คามะโดะ ทันจิโร่ โนะ อุตะ (ญี่ปุ่น: 竈門炭治郎のうた; โรมาจิ: Kamado Tanjirō no Uta แปล: บทเพลงของคามาโดะ ทันจิโร่) ศิลปินโดย ชีอินะ โก พร้อมเนื้อเรื่องโดย นะคะกะวะ นามิ ซีรีส์อนิเมะนี้มี 26 ตอน[17] อนิเพล็กซ์ออฟอเมริกา (Aniplex of America) ได้รับประกาศใบอนุญาตลิขสิทธิ์เพื่อซื้อลิขสิทธิ์อนิเมะเรื่องนี้[18] ได้รับการสตรีมบน ครันชี่โรล, ฮูลู และฟูนิเมชั่นนาว[19] อนิเมะแล็บได้แคสท์อนิเมะเรื่องนี้ในประเทศออสเตรเลียและนิวซิแลนด์[20] ในประเทศไทย มีมิวส์ คอมมิวนิเคชันเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์หลัก ออกอากาศฉบับตอนซีรีส์ในหลายช่องทางหลัก อาทิ ทรูไอดี เอไอเอส เพลย์ เน็ตฟลิกซ์ ดิสนีย์+ ฮอตสตาร์ แอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ และทางช่องการ์ตูนคลับ ทั้งนี้การ์ตูนคลับยังเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ซีรีส์สำหรับการออกอากาศผ่านช่องทางฟรีทีวีในประเทศไทยอีกด้วย
ในส่วนของฤดูกาลที่ 2 (ภาคศึกรถไฟสู่นิรันดร์ และภาคย่านเริงรมย์) ฤดูกาลที่ 3 (ภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ) และฤดูกาลที่ 4 (ภาคการสั่งสอนของเสาหลัก) มิวส์ คอมมิวนิเคชัน ยังคงเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์หลักสำหรับการออกอากาศทางช่องทางออนไลน์หลากหลายช่องทาง อาทิ เน็ตฟลิกซ์ ทรูไอดี วิว อ้ายฉีอี้ วีทีวี ปิลิปิลิ ป๊อปส์ และแอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ โดยการ์ตูนคลับเป็นผู้จัดทำเสียงพากย์ภาษาไทยให้กับทางมิวส์
ภาพยนตร์อนิเมะ
ในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562 ตามออกอากาศตอนที่ 26 ทันที ต่อมาได้ประกาศภาพยนตร์อนิเมะชื่อว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃 無限列車編; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba: Mugen Ressha-hen) พร้อมกับทีมงานและใช้บทบาทของตน[21] ภาพยนตร์นี้จะเป็นภาคต่อโดยตรงของซีรีส์อนิเมะซึ่งอิงกับบท "ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" จากหนังสือซีรีส์มังงะ[22][23] ในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 ได้ประกาศภาพยนตร์อนิเมะนี้จะออกเปิดตัวทั้งในระบบปกติและระบบไอแมกซ์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2563[24] โดยอนิเพล็กซ์และโตโฮ[25] ในประเทศไทย เอ็ม พิคเจอร์ เป็นผู้ถือลิขสิทธ์การแพร่ภาพในโรงภาพยนตร์ โดยเปิดตัวรอบพิเศษในโรงภาพยนตร์กรุงเทพไอแมกซ์ 6 สาขา และโรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่าสาขาที่ร่วมรายการในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ก่อนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ระบบปกติทั่วประเทศในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยทำรายได้ในวันเปิดตัว 7.68 ล้านบาท ทำลายสถิติของภาพยนตร์ สแตนด์บายมี โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป (5.4 ล้านบาท), วันพีซ สแตมปีด (5.37 ล้านบาท), รวมถึง หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ (3.41 ล้านบาท) ขึ้นเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดในวันเปิดตัวในไทย และยังทำลายสถิติของภาพยนตร์ เทเน็ท ขึ้นเป็นภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์ 2 มิติที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดใน พ.ศ. 2563 และ เป็นภาพยนตร์ระบบไอแมกซ์ที่ทำรายได้เปิดตัวเป็นอันดับสองใน พ.ศ. 2563 รองจาก มู่หลาน
ต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ได้มีการประกาศเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของดาบพิฆาตอสูร สู่หมู่บ้านช่างตีดาบ เพื่อสอดรับกับการฉายซีรีส์ฤดูกาลที่ 3 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่เหมือนกับภาพยนตร์ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ที่เป็นการนำเนื้อเรื่องจากต้นฉบับมาทำเป็นภาพยนตร์ก่อนดัดแปลงเป็นทีวีซีรีส์ในองค์แรกของฤดูกาลที่ 2 แต่เป็นการนำทีวีซีรีส์มารวบเป็นภาพยนตร์ความยาว 110 นาที ประกอบด้วย 2 ตอนสุดท้ายของภาคย่านเริงรมย์ รวมกับตอนที่ 1 ของภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ ภาพยนตร์ดังกล่าวเข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 โดยในประเทศไทย มิวส์ คอมมิวนิเคชัน และ เอ็ม พิคเจอร์ เป็นผู้ถือลิขสิทธ์การแพร่ภาพในโรงภาพยนตร์ โดยออกฉายในประเทศไทยวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ได้มีการประกาศเวิลด์ทัวร์ครั้งที่สองในชื่อ ปาฏิหารย์แห่งสายสัมพันธ์ สู่การสั่งสอนของเสาหลัก เพื่อสอดรับกับการฉายซีรีส์ฤดูกาลที่ 4 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ภาพยนตร์ดังกล่าวยังคงเป็นการนำทีวีซีรีส์มารวบเป็นภาพยนตร์ ประกอบด้วยตอนสุดท้ายของภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ รวมกับตอนที่ 1 ของภาคการสั่งสอนของเสาหลัก ภาพยนตร์ดังกล่าวเข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ในประเทศไทย มิวส์ คอมมิวนิเคชัน เป็นผู้ถือลิขสิทธ์การแพร่ภาพในโรงภาพยนตร์ และให้ไฟว์สตาร์โปรดักชั่นเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ โดยออกฉายในประเทศไทยวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 หลังจากการออกอากาศในตอนที่ 7 ของภาคการสั่งสอนของเสาหลักจบลงแบบทันที อะนิเพล็กซ์ได้มีการประกาศภาคสุดท้ายของซีรีส์ ศึกปราสาทไร้ขอบเขต จะถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ไตรภาค โดยภาคแรกจากไตรภาคยังไม่มีกำหนดฉาย
วิดีโอเกม
เกมมือถือชื่อว่า ดาบพิฆาตอสูร: ใบมีดดาบแห่งกลิ่นเลือด (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃 血風剣戟ロワイアル; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba: Keppū Kengeki Royale) ได้ประกาศและปล่อยตัวเกมเมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยสำนักพิมพ์อนิเพล็กซ์ พร้อมกับผู้พัฒนาโดยบริษัทอนิเพล็กซ์ สาขาควาโทรเอ (Quatro A)[26] วิดีโอเกมนี้เผยแพร่โดยอนิเพล็กซ์และพัฒนาโดยคิวเบอร์คอนเน็คต์ทู (Cuberconnect2) ชื่อวิดีโอเกมว่า ดาบพิฆาตอสูร: สายลมเลือดแห่งระบำเทพอัคคี (ญี่ปุ่น: 鬼滅の刃 ヒノカミ血風譚; โรมาจิ: Kimetsu no Yaiba: Hinokami Chifūtan) สำหรับเพลย์สเตชัน 4 ได้มีการประกาศว่าจะปล่อยวิดีโอเกมนี้เมื่อปี พ.ศ. 2564[27][28][29]
อื่น ๆ
แฟนบุ๊คของดาบพิฆาตอสูรได้ปล่อยตัวในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562[30] มีข้อมูลพื้นหลังในหลาย ๆ ตัวละครจากซีรีส์การ์ตูน
ภาพรวมอนิเมะ
ปี | จำนวนตอน | วันที่ออกอากาศ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
วันแรก | วันสุดท้าย | เครือข่าย | ||||
1 | 26 | 6 เมษายน ค.ศ. 2019 | 28 กันยายน ค.ศ. 2019 | โตเกียวเอ็มเอ็กซ์ | ||
2 | 18 | 7 | 10 ตุลาคม ค.ศ. 2021 | 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 | ฟูจิทีวี | |
11 | 5 ธันวาคม ค.ศ. 2021 | 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 | ||||
3 | 11 | 9 เมษายน ค.ศ. 2023 | 18 มิถุนายน ค.ศ. 2023 |