ซีลทีมซิกซ์
กองพัฒนาสงครามพิเศษทางเรือ (อังกฤษ: Naval Special Warfare Development Group; อักษรย่อ: NSWDG) เป็นที่รู้จักในนาม เดฟกรู (อักษรย่อ: DEVGRU; อังกฤษ: DEVelopment GRoUp) หรือ ซีลทีมซิกซ์ (อังกฤษ: SEAL Team Six)[4][5] เป็นส่วนเสริมกองทัพเรือสหรัฐของกองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษ (JSOC) ซึ่งมักได้รับการอ้างถึงภายในกองบัญชาการดังกล่าวในฐานะ กองกำลังเฉพาะกิจสีน้ำเงิน (อังกฤษ: Task Force Blue)[5] เดฟกรูได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารโดยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ และสั่งการดำเนินการโดยกองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษ ข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับเดฟกรูจัดอยู่ในประเภทและรายละเอียดของกิจกรรมที่มักจะไม่ได้รับความเห็นโดยกระทรวงกลาโหมหรือทำเนียบขาว[6] แม้จะมีการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ "ซีลทีมซิกซ์" ยังคงเป็นชื่อเล่นของหน่วยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
กองพัฒนาสงครามพิเศษทางเรือ | |
---|---|
Naval Special Warfare Development Group | |
![]() ตราสัญลักษณ์ซีลทีมซิกซ์ | |
ประจำการ | พฤศจิกายน ค.ศ. 1980 – ปัจจุบัน |
ประเทศ | ![]() |
ขึ้นต่อ | ![]() ![]() ![]() |
เหล่า | ![]() |
รูปแบบ | ปฏิบัติการพิเศษ หน่วยภารกิจพิเศษ |
บทบาท | การปฏิบัติการพิเศษ การต่อต้านการก่อการร้าย การชิงตัวประกัน การปฏิบัติภารกิจโดยตรง การลาดตระเวนพิเศษ |
กำลังรบ | กำลังพลที่ได้รับอำนาจ 1,787 นาย:[1]
|
กองบัญชาการ | แดมเนกซ์แอนเนกซ์ สถานีอากาศนาวีโอเชียนา เวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐ |
สมญา | "ซีลทีมซิกซ์", "เดฟกรู", "กองกำลังเฉพาะกิจสีน้ำเงิน", "เอ็นเอสดับเบิลยูดีจี" |
คำขวัญ | เพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า[2] |
ปฏิบัติการสำคัญ | ปฏิบัติการเออเจินฟิวรี การจี้เครื่องบินทีดับเบิลยูเอ เที่ยวบินที่ 847 การจี้เรืออากิลเล ลาอูโร ปฏิบัติการโอกาสครั้งสำคัญ ปฏิบัติการจัสต์คอส ปฏิบัติการพายุทะเลทราย สงครามกลางเมืองโซมาเลีย
ปฏิบัติการส่งเสริมประชาธิไตย
สงครามต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลก
|
รางวัลหน่วย | รางวัลสดุดีหน่วยประธานาธิบดี[3] |
เดฟกรูและกองทัพบกที่คล้ายกัน, กองกำลังเดลตา เป็นหน่วยภารกิจพิเศษระดับ 1 ของทหารสหรัฐ ซึ่งทำหน้าที่ปฏิบัติการภารกิจที่ซับซ้อน, เป็นความลับทางราชการ และอันตรายที่สุด ซึ่งบังคับบัญชาโดยคณะผู้บัญชาการแห่งชาติ[7][8] เดฟกรูดำเนินภารกิจพิเศษต่าง ๆ เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย, การชิงตัวประกัน, การลาดตระเวนพิเศษ และการปฏิบัติภารกิจโดยตรง (การปะทะระยะใกล้ หรือปฏิบัติการรุกขนาดเล็ก) ซึ่งมักจะปะทะกับเป้าหมายที่มีค่าสูง[9]
ประวัติ
ต้นกำเนิดของเดฟกรูอยู่ในหน่วยซีลทีมซิกซ์ ซึ่งเป็นหน่วยที่สร้างขึ้นจากผลพวงของปฏิบัติการกรงเล็บอินทรี[10][11][12] ในช่วงวิกฤตการณ์ตัวประกันอิหร่านใน ค.ศ. 1979 ริชาร์ด มาร์ซินโก ได้เป็นหนึ่งในสองผู้แทนกองทัพเรือสหรัฐสำหรับกองกำลังเฉพาะกิจคณะเสนาธิการร่วมที่รู้จักกันในชื่อ "ชุดต่อต้านก่อการร้าย" (Terrorist Action Team, TAT) วัตถุประสงค์ของทีเอทีคือเพื่อพัฒนาแผนการปลดปล่อยตัวประกันชาวอเมริกันที่ถูกจับในประเทศอิหร่าน โดยหลังจากเกิดความย่อยยับที่ฐานเดสเสิร์ตวันในประเทศอิหร่านแล้ว กองทัพเรือก็ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายเต็มเวลา และมอบหมายให้มาร์ซินโกออกแบบและพัฒนา
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6c/Navy_Unit_Commendation_SEAL_TEAM_SIX_1982.jpg/220px-Navy_Unit_Commendation_SEAL_TEAM_SIX_1982.jpg)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0c/Seal_Team_Six_old_insignia.jpg/170px-Seal_Team_Six_old_insignia.jpg)
มาร์ซินโกเป็นผู้บังคับบัญชาคนแรกของหน่วยใหม่นี้ ซึ่งในขณะนั้นมีทีมซีลเพียงสองทีมคือซีลทีมวัน และซีลทีมทู มาร์ซินโกตั้งชื่อหน่วยซีลทีมซิกซ์เพื่อสร้างความสับสนให้แก่หน่วยสืบราชการลับของสหภาพโซเวียตกับจำนวนทีมซีลที่มีอยู่จริง[12][13][14] แพลงก์โอนเนอร์ของหน่วย (สมาชิกผู้ก่อตั้ง) ได้รับการสัมภาษณ์และคัดเลือกโดยมาร์ซินโกจากทั่วชุมชนทีมทำลายใต้น้ำ/ซีล ซีลทีมซิกซ์ได้รับหน้าที่อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1980 และโปรแกรมการฝึกการทำงานที่เข้มข้นและก้าวหน้า ทำให้หน่วยพร้อมปฏิบัติภารกิจในอีกหกเดือนต่อมา[14] ซีลทีมซิกซ์กลายเป็นหน่วยกู้ภัยตัวประกันและต่อต้านการก่อการร้ายชั้นนำของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับกองกำลังเดลตาชั้นยอดของกองทัพบกสหรัฐ[6][11] มาร์ซินโกตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยซีลทีมซิกซ์เป็นเวลาสามปีตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1983 แทนที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาสองปีในกองทัพเรือในเวลานั้น[12] ซีลทีมซิกซ์เริ่มต้นด้วยมือปืน 75 นาย อ้างอิงจากมาร์ซินโก เงินสมทบการฝึกอาวุธยุทธภัณฑ์ประจำปีนั้นสูงกว่าของเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯทั้งหมด[ต้องการอ้างอิง][งานค้นคว้าต้นฉบับ?] หน่วยนี้มีทรัพยากรไม่จำกัดในการทำลายล้าง[15] ใน ค.ศ. 1984 มาร์ซินโกและสมาชิกหนึ่งโหลของซีลทีมซิกซ์จะก่อตั้ง "เรดเซลล์" (หรือที่เรียกว่าโอพี-06ดี) ซึ่งเป็นหน่วยพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบความมั่นคงของการเข้าประจำตำแหน่งทางทหารของอเมริกา
ใน ค.ศ. 1987 ซีลทีมซิกซ์ถูกยุบ และมีการจัดตั้งหน่วยใหม่ที่ชื่อ "กองพัฒนาสงครามพิเศษทางเรือ" ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นผู้สืบทอดของซีลทีมซิกซ์[4][16][17] เหตุผลในการยุบนั้นมีหลายประการ[12] แต่ชื่อซีลทีมซิกซ์มักใช้ในการอ้างอิงถึงเดฟกรู
ข้อโต้เถียง
ประวัติของหน่วยงานไม่เคยเกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุการณ์การโต้เถียง เหตุการณ์หนึ่งดังกล่าวเกิดขึ้นใน ค.ศ. 2010 ระหว่างความพยายามช่วยชีวิตลินดา นอร์โกรฟ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวอังกฤษจากตอลิบานผู้ลักพาตัวในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งเธอเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่เกิดจากระเบิดมือที่หลงทางของหน่วยซีล ส่วนใน ค.ศ. 2017 จ่าสิบตรี โลแกน เมลการ์ ซึ่งเป็นกำลังพลหน่วยรบพิเศษกองทัพบก ได้เสียชีวิตจากการบาดเจ็บระหว่างเหตุการณ์เฮซซิงที่ฐานในประเทศมาลี ซึ่งส่งผลให้มีการดำเนินคดีทางอาญากับสมาชิกเดฟกรูสองนาย และสมาชิกปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธินสองนาย
หลังจากการสอบสวนสองปีโดยดิอินเทอร์เซปต์ มีการเปิดเผยรายงานใน ค.ศ. 2017 โดยกล่าวหาซีลทีมซิกซ์และผู้บังคับบัญชาในการใช้ในทางที่ผิด, ความผิดทางอาญา และการปกปิด การสอบสวนดังกล่าวรวมถึงการสัมภาษณ์สมาชิกและเจ้าหน้าที่จำนวนมากของหน่วย ซึ่งเล่าถึงการมีส่วนร่วมของกลุ่มในการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงสิ่งที่สมาชิกบางคนถูกอธิบายว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ซึ่งบรรดาอดีตสมาชิกหน่วยและเจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้บังคับบัญชายอมรับและปกปิดในการใช้ในทางที่ผิด[18][19]
การรับสมัคร, การคัดเลือก และการฝึก
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/28/US_Navy_070327-N-1810F-012_Chief_Yeoman_Toby_Messenger%2C_special_program_recruiter_for_Naval_Special_Warfare_Development_Group%2C_speaks_to_Sailors_during_the_Career_Management_Symposium_at_Naval_Station_Mayport.jpg/220px-thumbnail.jpg)
ในช่วงแรก ๆ ของการก่อซีลทีมซิกซ์นั้น มาร์ซินโกมีกรอบเวลาหกเดือนในการสร้างทีม ซึ่งหากเขาล้มเหลวในการทำเช่นนั้น โครงการดังกล่าวจะถูกยกเลิก ด้วยเหตุนี้ มาร์ซินโกจึงมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการสร้างหลักสูตรการคัดเลือกที่เหมาะสมซึ่งเทียบเท่ากับกระบวนการของกองกำลังเดลตา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ การรับสมัครได้รับการคัดเลือกหลังจากประเมินบันทึกกองทัพเรือ ตามด้วยการสัมภาษณ์รายบุคคล โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้สมัครมาจากทีมซีลชายฝั่งตะวันออกกับชายฝั่งตะวันตก และทีมทำลายใต้น้ำเท่านั้น
แม้ว่าการฝึกและการรับสมัครส่วนใหญ่จะเป็นความลับทางราชการ แต่ก็มีข้อกำหนดและการฝึกออกกำลังบางอย่างที่ขณะนี้เป็นความรู้สาธารณะ ข้อกำหนดในการสมัครเดฟกรูระบุว่าผู้สมัครจะต้องเป็นเพศชาย อายุ 21 ปีขึ้นไป เคลื่อนกำลังประจำการรบอย่างน้อย 2 ครั้งในการมอบหมายงานก่อนหน้า และเหมาะสมสำหรับปกปิดความลับ ผู้สมัครมาจากทีมหน่วยซีลชายฝั่งตะวันออก/ตะวันตก, ทีมยานพาหนะจัดส่งซีล (SDV), ทีมปฏิบัติการพิเศษทางเรือ, ทีมหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด (EOD) ของกองทัพเรือ และหน่วยเสนารักษ์ลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกพิเศษของกองทัพเรือ ผู้สมัครจะต้องได้รับการตรวจร่างกาย, การทดสอบทางจิตวิทยา จากนั้นจึงเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมสำหรับการมอบหมายงานให้กองพัฒนาสงครามพิเศษทางเรือหรือไม่[21] ผู้ที่ผ่านกระบวนการสรรหาที่เข้มงวดจะเข้าร่วมหลักสูตรการคัดเลือกและฝึกแปดเดือนกับแผนกฝึกของหน่วยที่เรียกว่า "กรีนทีม" ซึ่งมีอัตราการออกจากหลักสูตรการฝึกสูง ปกติประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยในหลักสูตรคัดเลือกหนึ่งหลักสูตรจากผู้สมัครเดิม 20 นาย มี 12 นายสำเร็จหลักสูตร[22] ผู้สมัครทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยผู้สอนของเดฟกรู และประเมินว่ามีความเหมาะสมที่จะเข้าร่วมหมู่คณะหรือไม่ ฮาวเวิร์ด อี. วอสดิน อดีตสมาชิกของซีลทีมซิกซ์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ ค.ศ. 2011 ว่ามี 16 คนสมัครหลักสูตรคัดเลือกซีลทีมซิกซ์ และได้รับการยอมรับสองคน[23] ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกจะกลับไปการมอบหมายก่อนหน้า และสามารถลองได้อีกในอนาคต[24]
เช่นเดียวกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกหน่วยที่มีตารางการฝึกที่เข้มข้นและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจมีผู้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้ โดยซีลทีมซิกซ์/เดฟกรูได้สูญเสียผู้ปฏิบัติงานหลายนายระหว่างการฝึก รวมถึงอุบัติเหตุร่มชูชีพและอุบัติเหตุการฝึกยุทธวิธีการต่อสู้ระยะใกล้ ซึ่งสันนิษฐานว่ากระบวนการประเมินของหน่วยสำหรับผู้สมัครใหม่ที่มีศักยภาพ จะแตกต่างจากที่ผู้ปฏิบัติการหน่วยซีลมีประสบการณ์ในอาชีพก่อนหน้า และการฝึกส่วนใหญ่จะทดสอบความสามารถทางจิตใจของผู้สมัครมากกว่าสภาพร่างกายของเขา ผู้สมัครทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกจะสำเร็จขั้นตอนการฝึกอบรมขั้นสูงของตน ทั้งการฝึกการทำลายล้างใต้น้ำขั้นพื้นฐาน/ซีล, การฝึกพลประจำยานลำน้ำสงครามพิเศษ, การฝึกหน่วยเสนารักษ์ลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบกพิเศษ, การฝึกอีโอดีของกองทัพเรือ หรือโรงเรียนสอนประดาน้ำของกองทัพเรือ
ผู้สมัครจะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกขั้นสูงที่หลากหลายซึ่งนำโดยผู้สอนที่เป็นพลเรือนหรือทหาร สิ่งเหล่านี้รวมถึงการปีนเขาแบบอิสระ, การสงครามทางบก, เทคนิคการต่อสู้ด้วยมือเปล่าขั้นสูง, การขับขี่เชิงรับและเชิงรุกขั้นสูง, การประดาน้ำขั้นสูง, การสื่อสาร ตลอดจนการฝึกการเอาตัวรอด, การหลบหลีกข้าศึก, การต่อต้าน และการหนีออกจากแนวข้าศึก ซึ่งผู้สมัครจะได้รับการสอนปลดล็อกกุญแจรถยนต์, ประตู และตู้นิรภัย ผู้สมัครทุกคนต้องปฏิบัติการในระดับสูงสุดระหว่างการคัดเลือก และผู้สอนประจำหน่วยจะประเมินผู้สมัครในระหว่างกระบวนการฝึก ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในกองพัฒนายุทธวิธีและประเมินผล ซึ่งต่างจากทีมซีลทั่วไป ผู้ปฏิบัติการซีลทีมซิกซ์สามารถเข้าร่วมหลักสูตรทางทหารอื่น ๆ เกือบทั้งหมดเพื่อรับการฝึกเพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของหน่วย
เช่นเดียวกับกองกำลังเดลตา การฝึกการเป็นนักแม่นปืนด้วยกระสุนจริงทั้งในการต่อสู้ระยะไกลและระยะประชิดนั้นกระทำโดยนักเรียนคนอื่น ๆ นั้นใช้บทบาทเป็นตัวประกัน เพื่อช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างกันของผู้สมัคร
ทั้งนี้ เดฟกรูฝึกและปฏิบัติการร่วมกับหน่วยกองกำลังพิเศษจากประเทศอื่น ๆ เช่น หน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางเรือของสหราชอาณาจักร, กรมปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ และกรมคอมมานโดที่ 2 ของออสเตรเลีย, หน่วยลาดตระเวนกองเสนาธิการของอิสราเอล และกองกำลังเฉพาะกิจร่วมที่ 2 ของแคนาดา[25][26][27]
โครงสร้าง
เดฟกรูแบ่งออกเป็นกองทหารสายรหัสสี ได้แก่:[28]
- เรดสควอดรอน (จู่โจม)
- บลูสควอดรอน (จู่โจม)
- โกลด์สควอดรอน (จู่โจม)
- ซิลเวอร์สควอดรอน (จู่โจม)
- แบล็กสควอดรอน (การข่าวกรอง, การลาดตระเวน และการเฝ้าตรวจ)
- เกรย์สควอดรอน (ทีมเคลื่อนที่ การขนส่ง/นักประดาน้ำ, หน่วยตอบโต้เร็ว)
- กรีนทีม (การคัดเลือก/การฝึก)[29]
แต่ละกองทหารจู่โจมซึ่งมักจะนำโดยนาวาโท (O-5) แบ่งออกเป็นสามกองทหารของหน่วยซีลที่เข่าร่วม ซึ่งมักเรียกว่าผู้จู่โจม กองทหารแต่ละกองเหล่านี้ได้รับคำสั่งจากนายทหารชั้นสัญญาบัตรอาวุโส ซึ่งมักจะเป็นนาวาตรี (O-4) หัวหน้ากองทหารยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้บังคับกองทหาร และเป็นหน่วยซีลที่เข่าร่วมสูงสุดในกองทหาร โดยปกติแล้วจะเป็นพันจ่าเอก (E-9) กองทหารเดฟกรูแบ่งออกเป็นทีมที่เล็กกว่า โดยกองทหารแต่ละกองมีสมาชิกประมาณ 16 นาย และนำโดยนายทหารชั้นสัญญาบัตรอาวุโส รวมทั้งหัวหน้ากองทหาร[30] ทีมจู่โจมแต่ละทีมนำโดยหน่วยซีลอาวุโส ซึ่งมักจะเป็นพันจ่าโท (E-8) และบางครั้งเป็นพันจ่าตรี (E-7) ส่วนที่เหลือของทีมเหล่านี้เต็มไปด้วยพันจ่าตรี (E-7), จ่าเอก (E-6), และจ่าโท (E-5) โดยสมาชิกแต่ละนายที่มีบทบาทตามลำดับ
แต่ละกองทหารจู่โจมก็มีชื่อเล่นเฉพาะเช่นกัน ตัวอย่าง ได้แก่ โกลด์สควอดรอนส์ครูเซเดอส์, เรดสควอดรอนส์อินเดียนส์, บลูสควอดรอนส์ไพเรตส์, ซิลเวอร์สควอดรอนส์เฮดฮันเตอส์ และเกรย์สควอดรอนส์ไวกิงส์[28][31][32] ทั้งนี้ กองทหารจู่โจมได้รับการสนับสนุนจากกำลังพลสนับสนุนที่หลากหลาย รวมถึงนักเข้ารหัสลับ, นักสื่อสาร, ช่างเทคนิคของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด, คนจูงสุนัข และบางครั้งเป็นนักขับเครื่องบินจากฝูงบินยุทธวิธีพิเศษที่ 24 ของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของกองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษ กองทัพอากาศ
ตามรายงานของสำนักงานตรวจสอบอิสระของรัฐสภาเกี่ยวกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ในปีงบประมาณ 2014 เดฟกรูมีตำแหน่งที่อนุมัติทั้งหมด 1,787 ตำแหน่ง โดย 1,342 เป็นทหาร และ 445 เป็นพลเรือน[33][34]
อาวุธปืน
ต่อไปนี้คือรายชื่ออาวุธปืนที่เดฟกรูใช้ แต่เนื่องจากลักษณะที่เป็นความลับของหน่วย รายการนี้จึงไม่ครอบคลุมทั้งหมด
- คาร์บิน
- โนเวสกี 10.5 นิ้ว เอ็นเอสอาร์ ขนาด 5.56×45 มม.[35]
- เฮคเลอร์อุนด์ค็อค ฮาคา416 ขนาด 5.56×45 มม. (ก่อนหน้านี้ปืนไรเฟิลเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ปฏิบัติงานและมักจะดัดแปลง ทั้งอย่างมีนัยสำคัญและหลากหลายตามความชอบส่วนตัว ด้วยอุปกรณ์เสริมของโซปมอด เช่น เครื่องบังคับเสียง, พานท้ายปืน, กล้องเล็ง, เลเซอร์, ไฟฉายติดปืน และด้ามปืน)[ต้องการอ้างอิง]
- เฮคเลอร์อุนด์ค็อค เอ็มเพ7 ขนาด 4.6×30 มม.
- โคลต์ เอ็มเค 18 ซีคิวบีอาร์ ขนาด 5.56×45 มม.
- เอ็ม4เอ1 (ผู้ผลิตหลายราย) ขนาด 5.56×45 มม. (ไม่ได้ใช้กันทั่วไปแต่ยังอยู่ในรายการสิ่งของ และปรับแต่งด้วยชิ้นโซปมอดเช่นกัน)
- ปืนไรเฟิลซุ่มยิงและต่อต้านยุทโธปกรณ์
- โคลต์ เอ็มเค 12 เอสพีอาร์ ขนาด 5.56×45 มม.
- ไนส์อาร์มาเมนต์คัมพานี เอสอาร์-25 ขนาด 7.62×51 มม.
- เรมิงตัน โมเดล 700 "เอ็มเค 13 มอด. 5" .300 วินเชสเตอร์ แมกนัม
- แมกมิลแลนไฟร์อามส์ แทก-338 .338 ลาปัว
- แมกมิลแลน แทก-50 "เอ็มเค 15 มอด. 0 .50 บีเอ็มจี
- บาร์เรตต์ เอ็ม107เอ1 .50 บีเอ็มจี
- อาวุธอื่นที่พกติดข้างตัว
- เฮคแลร์อุนด์คอค ฮาคา45 "เอ็มเค 24 มอด. 0" .45 เอซีพี
- ซิก ซาวเออร์ พี226 "พี226อาร์ เอ็มเค 25" ขนาด 9×19 มม.
- กล็อก 19 ขนาด 9×19 มม.[36]
- ซิก ซาวเออร์ พี320 ขนาด 9×19 มม.[ต้องการอ้างอิง]
ผู้บัญชาการ
หน้าที่และความรับผิดชอบ
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/01/Sentry_HP.jpg/220px-Sentry_HP.jpg)
ภารกิจเต็มรูปแบบของเดฟกรูเป็นความลับทางราชการ แต่คิดว่าจะรวมถึงการชิงโจมตีก่อน, ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในเชิงรุก, การต่อต้านการแพร่ขยายอาวุธ (ความพยายามในการป้องกันการแพร่กระจายของอาวุธธรรมดาและอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูง) รวมถึงการกำจัดหรือการเอากลับคืนเป้าหมายที่มีค่าสูง (HVT) จากประเทศที่มุ่งร้าย[37][38] เดฟกรูเป็นหนึ่งในหน่วยภารกิจพิเศษของสหรัฐที่อนุญาตให้ใช้ปฏิบัติการชิงโจมตีก่อนกับผู้ก่อการร้ายและยุทโธปกรณ์ของพวกเขา[39]
ดูเพิ่ม
- ชุดปฏิบัติการรบพิเศษ – เดลตา ที่ 1 (สหรัฐ)
- ฝูงบินยุทธวิธีพิเศษที่ 24 (สหรัฐ)
- กลุ่มอัลฟา และวึมเปล (รัสเซีย)
หมายเหตุ
อ้างอิง
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)
- Gormly, Robert A. (1999). Combat Swimmer: Memoirs of a Navy SEAL. New York: Penguin Group. ISBN 978-0-451-19302-5.
- MacPherson, Malcolm (2006). Roberts Ridge: A Story of Courage and Sacrifice on Takur Ghar Mountain, Afghanistan. New York: Bantam Dell. ISBN 978-0-553-58680-0.
- Shipler, David K.; Halloran, Richard (26 November 1985). "Terror: Americans as targets". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 7 May 2011.