การเสียชีวิตของและบทยกย่องรอย รอตเบิร์ก

ในปี ค.ศ. 1956 โมเช ดายัน ซึ่งเป็นเสนาธิการทหารบกชาวอิสราเอล ได้ให้คำสรรเสริญแก่รอย รอตเบิร์ก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในคิบบุตซ์ที่ถูกฆ่าตายใกล้กับฉนวนกาซา[1] โดยเรียกร้องให้อิสราเอลค้นหาวิญญาณของตนและสำรวจความคิดของชาติ คำสรรเสริญของดายันถือได้ว่าเป็นสุนทรพจน์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล[2] และมีความสำคัญในความทรงจำของกลุ่มชาวอิสราเอล ดุจเกตตีสเบิร์กแอดเดรสที่มีอยู่ในความทรงจำของชาวอเมริกัน

เสนาธิการทหารบกโมเช ดายัน ขณะกล่าวถ้อยคำสรรเสริญหน้าหลุมศพรอย รอตเบิร์กในนาฮาล ออซ

ภูมิหลัง

ภาพของรอย รอตเบิร์ก ในมุมหนึ่งของอนุสรณ์สถานสงคราม ที่โรงเรียนเชวาห์โมเฟตในเทลอาวีฟ ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของเขา

นาฮาล ออซ กลายเป็นคิบบุตซ์ในปี ค.ศ. 1953 และมักมีความขัดแย้งกับชาวอาหรับที่เดินข้ามเขตสงบศึกจากกาซา เพื่อเก็บเกี่ยวพืชผลและดำเนินการลักขโมย[3] โดยช่วงสองสามเดือนก่อนหน้านี้มีความเงียบสงบในพรมแดนของอิสราเอลร่วมกับอียิปต์และกาซา แต่บานปลายขึ้นด้วยการยิงข้ามพรมแดนหลายครั้งในช่วงต้นเดือนเมษายน[3] เมื่อวันที่ 4 เมษายน ทหารอิสราเอลสามคนถูกสังหารโดยกองกำลังอียิปต์ที่ชายแดนกาซา[3] ฝ่ายอิสราเอลจึงตอบโต้ในวันรุ่งขึ้นโดยการโจมตีใจกลางกาซาซิตี ซึ่งได้สังหารพลเรือนชาวอียิปต์และปาเลสไตน์ 58 คน รวมทั้งทหารอียิปต์อีก 4 คน[3] ส่วนฝ่ายอียิปต์ตอบโต้ด้วยการกลับมาโจมตีแบบเฟดายีนข้ามพรมแดน โดยสังหารชาวอิสราเอลไป 14 คนในช่วงวันที่ 11–17 เมษายน[3][4]

รอย รอตเบิร์ก เกิดในเทลอาวีฟในปี ค.ศ. 1935 เขาทำหน้าที่เป็นเด็กส่งสารสำหรับกองกำลังป้องกันอิสราเอลในช่วงสงครามอาหรับ–อิสราเอล ค.ศ. 1948 หลังจากเรียนที่โรงเรียนเกษตรมิกเวห์อิสราเอล และโรงเรียนอาชีวะเชวาห์โมเฟต เขาได้เข้าเป็นทหารในกองกำลังป้องกันอิสราเอลและเข้าร่วมทหารราบ หลังจากจบหลักสูตรของทหารแล้ว เขาเข้ามาอยู่ที่เมืองนาฮาล ออซ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการตั้งถิ่นฐานนาฮาล โดยเขาได้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนาฮาล ออซ[3][5][6][7] และมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอในการไล่จับผู้แทรกซึม บางครั้งมีการใช้กำลังถึงตาย[3] รอตเบิร์กแต่งงานกับอมิรา กริกสัน และมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคนคือโบอาส ที่ยังเป็นเด็กทารกในช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1956 เขาถูกจับในการเตรียมซุ่มโจมตี ซึ่งแรงงานเก็บเกี่ยวชาวอาหรับได้เริ่มเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในพื้นที่ของคิบบุตซ์ หลังจากที่รอตเบิร์กได้เห็นพวกเขา เขาได้ขี่ม้าไล่ตาม ขณะที่เขาเข้าใกล้ ได้มีคนอื่น ๆ โผล่ออกมาจากการซ่อนตัวเพื่อโจมตี[3][8] เขาถูกยิงจนตกหลังม้า มีการตี และยิงอีกครั้ง แล้วศพของเขาก็ถูกลากเข้าสู่ฉนวนกาซา[3] ซึ่งผู้ทำร้ายรอตเบิร์ก ได้แก่ ตำรวจชาวอียิปต์และชาวนาปาเลสไตน์[9] ศพของเขาถูกส่งกลับมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยการแทรกแซงของสหประชาชาติ สภาพศพเสียหายแบบงอมพระราม[3][10][11]

หกเดือนหลังจากที่เขาเสียชีวิต วิกฤตการณ์คลองสุเอซเริ่มต้นด้วยการบุกของอิสราเอลสู่ฉนวนกาซาและคาบสมุทรไซนาย หลังจากครอบครองฉนวนกาซา สองผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมของรอตเบิร์ก สิบตำรวจเอกจามิล อวัด อัล-กาซิม อัล-วาดีห์ และชาวนาชื่อมาห์มูด โมฮัมเหม็ด ยูเซฟ อัล-มาซิอาร์ ได้ถูกจับกุมและถูกนำตัวมายังอิสราเอลเพื่อพิจารณาคดี ในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 1959 พวกเขาถูกตัดสินว่าได้กระทำการฆาตกรรมรอตเบิร์กและถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต โดยการอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่งประเทศอิสราเอลได้รับการปฏิเสธในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960 [12][13]

คำสรรเสริญ

อ้างอิงจากฌ็อง-ปีแยร์ ฟีลียู เผยว่า หลังจากการลอบสังหาร อารมณ์สะเทือนใจในประเทศอิสราเอลอยู่ในระดับสูง และมีการเชิญดายันไปยังคิบบุตซ์เพื่อแสดงสุนทรพจน์ในงานศพ[9]

"เช้าวานนี้ รอยถูกฆาตกรรม เวลาที่เงียบงันในช่วงเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ได้ทำให้เขาตื่นตระหนกและเขาไม่เห็นคนที่รอซุ่มโจมตีเขาที่ริมทาง อย่าให้เราโยนความผิดเกี่ยวกับฆาตกรในวันนี้ ทำไมเราควรประกาศความเกลียดชังการเผาไหม้ของพวกเขาสำหรับเรา ? เป็นเวลาแปดปีที่พวกเขานั่งอยู่ในค่ายผู้อพยพในฉนวนกาซา และก่อนปรากฏสู่สายตาของพวกเขา พวกเราได้ทำการเปลี่ยนแผ่นดินและหมู่บ้านต่าง ๆ ที่ซึ่งพวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่ มาเป็นที่ดินของเรา ไม่ใช่ในหมู่อาหรับในกาซา หากแต่ในท่ามกลางเราเองที่ต้องแสวงหาการนองเลือดของรอย เราปิดตาของเราและปฏิเสธที่จะมองตรงไปที่ชะตากรรมของเรา และเห็นในทุกความโหดร้าย กับโชคชะตาของคนรุ่นเราได้อย่างไร ? เราลืมไปแล้วหรือว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ที่เมืองนาฮาล ออซ จะแบกประตูของฉนวนกาซาไว้บนไหล่ ? ไกลจากเส้นขอบชายแดน ทะเลแห่งความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะแก้แค้นซึ่งขยายตัว กำลังรอวันที่สงบ สำหรับวันที่เราจะเอาใจใส่ทูตเจ้าเล่ห์ซึ่งคิดร้ายที่เรียกร้องให้เราวางอาวุธ เลือดของรอยกำลังร้องไห้ออกมาให้แก่เราและเฉพาะกับเรา จากร่างกายที่ฉีกขาดของเขา แม้ว่าเราจะสาบานว่าเลือดของเราจะไม่ไหลแบบสูญเปล่า เมื่อวานนี้เราถูกล่อลวง พวกเราได้ฟัง และพวกเราเชื่อ
เราจะทำการคำนวณกับตัวเราเองในวันนี้ เราเป็นคนรุ่นที่ปักหลักอยู่ในแผ่นดินโดยไม่มีหมวกนิรภัยและกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งเราจะไม่สามารถปลูกต้นไม้และสร้างบ้านได้ อย่าให้เรามองไม่เห็นความเกลียดชังที่ลุกเป็นไฟรวมถึงชีวิตชาวอาหรับนับแสนที่อาศัยอยู่รอบตัว อย่าหลีกเลี่ยงสายตาเพื่อไม่ให้อาวุธของเราอ่อนลง นี่คือชะตากรรมของคนรุ่นเรา นี่คือทางเลือกในชีวิตของเรา - ที่จะเตรียมพร้อมและมีกำลังอาวุธ, ความแข็งแรง และมุ่งมั่น เพื่อไม่ให้ดาบหลุดจากมือของเราและไม่ให้ชีวิตของเราลดลง ชายหนุ่มที่ชื่อรอยได้ทิ้งเทลอาวีฟไปสร้างบ้านที่ประตูเมืองกาซาเพื่อเป็นกำแพงสำหรับพวกเราได้ตาบอดลงโดยแสงในหัวใจของเขา และเขาไม่ได้เห็นแสงประกายของดาบ ความโดยหาสันติภาพทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงฆาตกรที่รอคอยซุ่มโจมตี ประตูของฉนวนกาซาหนักเกินไปบนไหล่ของเขา และได้ทำให้เขาหมดกำลัง"[8][14][15]

อ้างอิง

🔥 Top keywords: พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคลหน้าหลักพระสุนทรโวหาร (ภู่)องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยพิเศษ:ค้นหาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรอสมทวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2024สไปร์ท (แร็ปเปอร์)ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024พุ่มพวง ดวงจันทร์ดวงใจเทวพรหม (ละครโทรทัศน์)อีดิลอัฎฮาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ดอกเตอร์ไคลแมกซ์ ปุจฉาพาเสียวราชวงศ์จักรีลำดับโปเจียมแห่งราชอาณาจักรไทยรายชื่อตัวละครในพระอภัยมณีหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคลทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลพระอภัยมณีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคลหม่อมเจ้าฑิฆัมพร ยุคลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรหลานม่าอริยสัจ 4ตารางธาตุนิราศภูเขาทองรายชื่อเครื่องดนตรีเฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชคประเทศไทยอาณาจักรอยุธยาปิติ ภิรมย์ภักดีวอลเลย์บอลวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย