จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แบบจำลองกลไกการยุบตัวจากความโน้มถ่วงการยุบตัวจากความโน้มถ่วง (gravitational collapse) เป็นปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่วัตถุไม่สามารถต้านทานความโน้มถ่วงได้และทำให้เกิดการยุบตัวลงสู่ศูนย์กลาง
ดาราศาสตร์
ในทางดาราศาสตร์ การยุบตัวจากความโน้มถ่วงเป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพที่ดาวฤกษ์ไม่สามารถทนต่อความโน้มถ่วง ของตัวเองได้และพังทลายลง[1]
ในขณะที่ดาวฤกษ์ถูกกดเข้าหาศูนย์กลางเนื่องจากความโน้มถ่วง ตัวดาวยังคงมีขนาดคงที่เนื่องจากการเคลื่อนที่ด้วยความร้อนของพลาสมาและแรงผลักทางไฟฟ้า เมื่อปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันดำเนินไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดนิวเคลียสของอะตอมที่มีมวลอะตอมน้อยถูกเผาผลาญหมดไปและแรงผลักจะอ่อนลง จึงทำให้ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันหยุดลง เมื่อถึงจุดนี้ จะทำให้ดาวเกิดการบีบอัดมากขึ้น และจะหยุดการบีบอัดเมื่อปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อถึงจุดที่แกนดาวฤกษ์เต็มไปด้วยธาตุเหล็ก (นิวเคลียสของอะตอมที่มีเลขอะตอมใกล้เคียงธาตุเหล็กเป็นนิวเคลียสที่เสถียรที่สุดและไม่เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันอีก) คราวนี้ธาตุเหล็กจะดูดกลืนรังสีแกมมา และเปลี่ยนให้เป็นฮีเลียมและนิวตรอน และเกิดการแตกตัวด้วยแสงขึ้น จากนั้นใจกลางของดาวก็กลายเป็นเหมือนช่องว่าง และสสารรอบ ๆ ก็พังทลายลงมาตรงกลางและถูกบีบอัด การบีบอัดนี้สร้างแกนกลางขึ้น และคลื่นกระแทกที่สะท้อนจากแกนกลางจะกระจายออกไปด้านนอก ทำให้ดาวฤกษ์ยุบตัว นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การยุบตัวจากความโน้มถ่วง และจะเกิดเป็นมหานวดาราขึ้นในที่สุด
หลังจากนั้นแกนกลางที่บีบอัดจะกลายเป็นหลุมดำหรือดาวนิวตรอน
นอกจากนี้ ในการทำนายทางทฤษฎี ยังพิจารณาถึงการมีอยู่ของ ดาวควาร์ก ซึ่งนิวเคลียสถูกแยกสลายต่ออีกจนอยู่ในรูปของควาร์ก
โลกศาสตร์
ในสาขาโลกศาสตร์ การยุบตัวจากความโน้มถ่วงเป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพที่ภูเขาและที่ลาดเอียงไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกและพังทลายลง[2] ในกรณีของสิ่งปลูกสร้างภูเขาไฟ จะเรียกอีกอย่างว่า การยุบส่วนตัด (sector collapse)[3][4] เมื่อปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ อาจเกิดการไหลตะกอนภูเขาไฟได้[5]
อ้างอิง