การยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกในประเทศไทย เป็นการยุติการแพร่สัญญาณออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อกในประเทศไทย ที่ดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2563 โดยสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีเดิมทั้ง 6 ช่องในประเทศไทย จะทำการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อก เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล นับเป็นยุคใหม่ของโทรทัศน์ในประเทศไทย จากนั้น กสทช. จะได้นำคลื่น 700 MHz ที่ใช้งานกับระบบแอนะล็อกเดิมและระบบดิจิทัลชั่วคราว กลับมาจัดสรรใหม่ให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับระบบ 5 จี ต่อไป
ในปี พ.ศ. 2558 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Telecommunications Union; ชื่อย่อ: ITU) ประกาศให้ทั่วโลกยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อก[1] และกลุ่มประเทศในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ก็ได้เห็นพ้องต้องกันให้ยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกภายในปี พ.ศ. 2563[2] ทำให้ประเทศไทยซึ่งกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์โดย กสทช. ต้องดำเนินการเปลี่ยนผ่านการส่งสัญญาณโทรทัศน์จากระบบแอนะล็อกเป็นระบบดิจิทัล โดย กสทช. ได้ดำเนินการประมูลโทรทัศน์ระบบดิจิทัลในปี พ.ศ. 2556 และเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา แต่ยังไม่ได้ยุติระบบแอนะล็อก เพราะหากยุติกะทันหันจะส่งผลกระทบให้ผู้ที่รับชมผ่านระบบแอนะล็อกซึ่งเป็นส่วนมากของประเทศไม่สามารถรับชมได้ จึงทำให้ต้องมีการแบ่งการยุติการออกอากาศเป็นช่วง ๆ[3] โดยมอบหมายให้สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีเดิมทั้ง 6 ช่อง ไปจัดทำแผนแม่บทการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกในปี พ.ศ. 2558 และมีโครงการแจกคูปองสำหรับกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัลรุ่น DVB-T2 ในพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัลครอบคลุมตั้งแต่ 80% ขึ้นไป[2]
ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557 ซึ่ง กสทช. กำหนดเป็นวันเริ่มต้นออกใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่แก่สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็ได้เกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากผู้รับสัมปทานของไทยทีวีสีช่อง 3 คือ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (บีอีซี) เป็นคนละนิติบุคคลกับผู้รับใบอนุญาตของช่อง 3 ดิจิทัล คือ บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด จึงไม่สามารถนำรายการทั้งหมดจากไทยทีวีสีช่อง 3 มาออกอากาศคู่ขนานทางช่อง 3 ดิจิทัลได้
ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557 กสทช. เพิกถอนโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกจากส่วนให้บริการทั่วไป จึงต้องยุติการออกอากาศไทยทีวีสีช่อง 3 ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิลตามที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน[4] ช่อง 3 อาศัยความในประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2557 ประกอบกับความในสัญญาสัมปทานโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกซึ่งทำไว้กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท) จนถึงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เพื่อรักษาสิทธิในการออกอากาศตามเดิม[5] วันต่อมา (3 กันยายน) กสทช. ทำหนังสือถึงผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีให้งดการออกอากาศไทยทีวีสีช่อง 3 ภายใน 15 วัน แต่ได้เสนอความช่วยเหลือทางกฎหมายเพื่อนำสัญญาณจากไทยทีวีสีช่อง 3 มาออกอากาศคู่ขนานทางช่อง 33[6] ต่อมาช่อง 3 นำความขึ้นร้องต่อศาลปกครอง ผลคือในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ศาลปกครองสูงสุดทำข้อตกลงให้บีอีซี-มัลติมีเดีย นำเนื้อหาและสัญญาณทั้งหมดจากไทยทีวีสีช่อง 3 ของบีอีซี ไปออกอากาศคู่ขนานในระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูงทางช่องหมายเลข 33 ของตนในระบบดิจิทัลภายในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:30 น.[7] ทั้งนี้ช่อง 3 แอนะล็อก ได้ออกอากาศในระบบดิจิทัลภาคพื้นดินความละเอียดสูงทางช่องหมายเลข 33 เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20:15 น. โดยเริ่มจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติเป็นรายการแรก[8] บีอีซี-มัลติมีเดียจึงถอนรายการต่าง ๆ ที่ออกอากาศทางช่อง 33 เดิม ออกมาจัดแบ่งออกอากาศทางช่อง 28 และช่อง 13 แทน
15 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เห็นชอบแผนการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกของสถานีโทรทัศน์เจ้าของอุปกรณ์รวมส่งสัญญาณ 4 แห่ง คือสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งส่งมาแล้วก่อนหน้านี้ และมอบหมายให้ กสทช. เร่งรัดการส่งแผนการยุติการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อกของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดแผนการยุติการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ของประเทศไทย ก่อนนำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อไป[9]
ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 กรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก คู่สัญญาสัมปทานของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้แจ้งแนวทางเบื้องต้นในการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกของช่อง 7 สี แก่ กสท. เพื่อลดต้นทุนสำหรับการออกอากาศในอนาคต[10] และ กสท. ได้อนุมัติแผนการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ปีเดียวกัน[11] ทั้งนี้ พันธะผูกพันต่าง ๆ ของช่อง 7 สี ในฐานะคู่สัญญาสัมปทานกับกรมการทหารสื่อสาร กองทัพบกนั้น ยังคงมีอยู่จนกว่าจะหมดสัญญาสัมปทาน[12]
ต่อมาในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 กสทช. ได้มีมติให้ยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ 5 ช่องก่อนหน้าได้ยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกทั้งหมดแล้วก่อนหน้า เพื่อให้เป็นไปในทำนองเดียวกัน กสทช. จึงมีมติให้วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ถือเป็นวันสิ้นสุดการออกอากาศระบบแอนะล็อก และมีมติให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ยกเลิกการออกอากาศคู่ขนานกับระบบดิจิทัลความละเอียดสูงทางช่อง 33 โดยให้แยกผังรายการออกจากกันอย่างชัดเจน[13] แต่กลุ่มบีอีซีเวิลด์ได้ยื่นคำร้องคัดค้านมติ เนื่องจากยังไม่สามารถยกเลิกการออกอากาศไทยทีวีสีช่อง 3 ในระบบแอนะล็อกได้เพราะบีอีซียังไม่หมดสัญญาสัมปทานซึ่งทำไว้กับ บมจ.อสมท ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทานได้ รวมถึงขัดกับข้อตกลงที่ทำกันในศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ช่อง 3 รับมติของ กสทช. 3 เรื่อง และ 1 ในนั้นคือการให้แยกตราสัญลักษณ์ของสถานีออกจากกัน[14] โดยช่อง 3 แสดงสัญลักษณ์ของระบบแอนะล็อกไว้ที่มุมล่างขวา ในขณะที่ระบบดิจิทัลยังคงแสดงไว้ที่ตำแหน่งมุมบนขวาตามเดิม[15]
และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 บีอีซีได้สิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับ บมจ.อสมท เป็นผลทำให้สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ทำการยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกทั่วประเทศในวันดังกล่าว รวมระยะเวลาในการออกอากาศระบบแอนะล็อกทั้งสิ้น 50 ปี และถือเป็นการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากเป็นสถานีโทรทัศน์ของไทยช่องสุดท้ายที่ยุติการออกอากาศในระบบนี้[16]
สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีเดิม 5 ช่องในประเทศไทย (ยกเว้นไทยทีวีสีช่อง 3) ได้วางแผนการยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกในลักษณะ "ป่าล้อมเมือง" โดยยุติไล่จากสถานีส่งของอำเภอไปจนถึงสถานีส่งของจังหวัด ไล่จากสถานีเสริมไปจนถึงสถานีหลัก และไล่จากพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางไปจนถึงพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น[17] โดยตามแผนของแต่ละช่อง สรุปโดย กสทช. แบ่งการยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกได้ดังนี้[18]
สถานีโทรทัศน์ในอดีต | |
---|---|
องค์กรที่เกี่ยวข้อง | |
ข้อมูลเพิ่มเติม |
บริการสาธารณะ |
| ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
บริการธุรกิจระดับชาติ |
| ||||||||
ทดลองออกอากาศชั่วคราว |
| ||||||||
องค์กรที่เกี่ยวข้อง |
| ||||||||
ข้อมูลเพิ่มเติม | |||||||||
หมายเหตุ : ตัวเลขในวงเล็บที่ไม่มีดอกจัน เช่น (1) คือหมายเลขช่องภาคพื้นดินของโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทย ส่วนตัวเลขในวงเล็บที่มีดอกจันนำหน้า เช่น (*1) คือหมายเลขช่องภาคพื้นดินของโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทยที่มีความละเอียดสูง |