การบันทึกคลื่นไฟฟ้าจอตา
- บทความ
- อภิปราย
Electroretinography | |
---|---|
การแทรกแซง | |
![]() รูปคลื่น ERG ระดับสูงสุดของตาที่ปรับเข้ากับความมืดแล้ว | |
ICD-9-CM | 95.21 |
MeSH | D004596 |
Electroretinography (ตัวย่อ ERG) เป็นการวัดการตอบสนองทางไฟฟ้าของเซลล์ต่าง ๆ ในจอตารวมทั้งเซลล์รับแสงทั้งแบบแท่งและแบบกรวย, เซลล์จอตาชั้นใน (retinal bipolar cell และ amacrine cell) และ retinal ganglion cellโดยปกติจะสวมอิเล็กโทรดเงิน (DTL silver/nylon fiber string) ครอบผิวกระจกตาของคนไข้เมื่อวัดแบบ Full Field/Global/Multifocal ERG's หรือใช้อิเล็กโทรดทองเหลืองหรือทองแดงแนบกับผิวหนังใกล้ตาเพื่อทดสอบแบบ electrooculography (EOG)เมื่อกำลังตรวจ จะให้คนไข้มองแสงกระตุ้นต่าง ๆ โดยเครื่องจะแสดงแอมพลิจูดของสัญญาณการตอบสนอง (เป็นโวลต์) เทียบกับเวลาแต่สัญญาณก็เบามาก ปกติอยู่ในระดับไมโครโวลต์หรือนาโนโวลต์ERG เป็นความต่างศักย์ไฟฟ้า (electrical potential) ซึ่งได้จากเซลล์ประเภทต่าง ๆ ในจอตาโดยการกระตุ้นต่าง ๆ (เช่น เป็นแฟลชหรือแสงกระตุ้นเป็นลาย, มีแสงพื้นหลังหรือไม่, สีของตัวกระตุ้นและพื้นหลัง) จะทำให้องค์ประกอบบางอย่างตอบสนองอย่างมีกำลังกว่า
ถ้าตรวจสอบตาที่ปรับให้เข้ากับความมืดแล้วด้วยแสงแฟลชสลัว ๆ การตอบสนองส่วนมากจะมาจากเซลล์รูปแท่งและถ้าตรวจตาที่ปรับให้เข้ากับแสงสว่างด้วยแสงแฟลช การตอบสนองจะมาจากเซลล์รูปกรวยแฟลชที่สว่างพอจะก่อสัญญาณ ERG ที่เป็น a-wave (เริ่มต้นโค้งไปทางลบ) แล้วตามด้วย b-wave (โค้งไปในแนวบวก)ส่วนหน้าสุดของ a-wave มาจากเซลล์รับแสง โดยส่วนที่เหลือของคลื่นจะมาจากเซลล์ต่าง ๆ รวมทั้งเซลล์รับแสง, retinal bipolar cell, amacrine cell และ Muller glia[1]ส่วนการตอบสนองต่อ pattern ERG (PERG) ซึ่งเกิดจากตัวกระตุ้นคล้ายกระดานหมากรุก โดยหลักจะมาจาก retinal ganglion cellจักษุแพทย์และแพทย์ตรวจปรับสายตาโดยหลักใช้ ERG เพื่อวินิจฉัยโรคจอตาต่าง ๆ[2]
ERG ใช้ได้กับโรคจอตาเสื่อมที่สืบทอดทางกรรมพันธุ์ได้รวมทั้ง
โรคตาอื่น ๆ ที่ ERG ธรรมดาอาจให้ข้อมูลที่มีประโยชน์รวมทั้ง
ERG ยังใช้อย่างกว้างขวางในงานวิจัยเรื่องตา เพราะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของจอตาที่ไม่สามารถได้โดยวิธีอื่นรูปแบบการตรวจทาง ERG อื่น ๆ เช่น photopic negative response (PhNR) และ pattern ERG (PERG) อาจมีประโยชน์เพื่อตรวจการทำงานของ retinal ganglion cell ในโรคต่าง ๆ เช่น ต้อหินส่วน multifocal ERG สามารถใช้บันทึกการตอบสนองของจอตาส่วนต่าง ๆ
องค์กรสากลในเรื่องการใช้ทางคลินิกและการสร้างมาตรฐานของ electroretinography (ERG), electrooculography (EOG) และ visual evoked potential (VEP) ก็คือ International Society for the Clinical Electrophysiology of Vision (ISCEV)[4]
นอกจากใช้ตรวจวินิจฉัยโรค ERG สามารถใช้เมื่อกำลังพัฒนายา และเมื่อทำการทดลองทางคลินิกเพื่อตรวจดูความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาหรือการรักษา[5]
งานศึกษาปี 2013[6]พบว่า การตอบสนองของเซลล์ประสาทจอตาแบบ dopaminergic เมื่อทานขนมบราวนีช็อกโกแลตจะเท่ากับเมื่อทานยารักษาโรคสมาธิสั้นคือ methylphenidate ซึ่งแสดงว่าการทำงานของเซลล์ประสาทแบบโดพามีนในจอตาจะสะท้อนการทำงานของเซลล์ประสาทแบบโดพามีนในสมองงานศึกษานี้จึงสรุปว่า ถ้ายืนยันได้ด้วยงานวิจัยต่อ ๆ มา ERG สามารถแสดงการทำงานของสารสื่อประสาทโดยเฉพาะ ๆ เท่ากับของการถ่ายภาพรังสีระนาบด้วยการปล่อยโพซิตรอน (PET) โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า