ในช่วงแรกของสงครามอิรัก สมาชิกของกองทัพสหรัฐและซีไอเอ ภายใต้บังคับบัญชาโดยตรงของรัฐมนตรีกลาโหม ดอนัลด์ รัมสเฟลด์ กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและอาชญากรรมสงครามต่อผู้ถูกคุมขังในเรือนจำอะบูฆุร็อยบ์ในประเทศอิรัก[1] ซึ่งประกอบด้วยการทำร้ายร่างกาย, ล่วงละเมิดทางเพศ, ทรมาน, ข่มขืน, สังวาสทางทวารหนัก และ ฆาตกรรม[2][3][4][1] การทรมานและใช้อำนาจในทางมิชอบนี้ปรากฏสู่สาธารณชนหลังภาพถ่ายหลักฐานการทารุณถูกเผยแพร่บนซีบีเอสนิวส์ในเดือนเมษายน 2004 เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจและความโกรธไปทั่ว รวมถึงถูกประณามอย่างรุนแรงจากทั้งในสหรัฐเองและจากทั่วโลก[5]
รัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อ้างว่าการทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนท่ทอะบูฆุร็อยบ์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองโดยขาดการรับรู้และโดยไม่ได้เกิดจากนโยบายของสหรัฐ[6][ต้องการเลขหน้า][7]: 328 คำกล่าวอ้างนี้ถูกต่อต้านโดยองค์การมนุษยชนเช่น กาชาดสากล, แอมเนสตี อินเทอร์เนชั่นนอล และ ฮิวอมนไรตส์วอทช์ องค์กรเหล่านี้ระบุว่กาารทรมานที่อะบูฆุร็อยบ์เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการทรมานและการดูแลอย่างโหดร้ายทารุณในทัณฑสถานโพ้นทะเลของอเมริกัน ทั้งในประเทศอิรัก, อัฟกานิสถาน และ กวนตานาโมเบย์[7]: 328
เอกสารซึ่งรู้จักในชื่อ บันทึกความจำเรื่องการทรมาน (Torture Memos) ออกสู่สาธารณะในสองสามปีถัดมา เอกสารเหล่านี้มีการเตรียมการในช่วงเดือนก่อนการบุกรุกอิรักในปี 2003 โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ รายละเอียดมีการมอบอำนาจและยินยอมให้มีเทคนิคการสอบสวนแบบพิเศษ (โดยทั่วไปคือให้มีการทารุณกรรมได้) ใช้กับผู้ถูกคุมขังที่เป็นชาวต่างชาติ รวมถึงระบุข้อมูลว่ากฎหมายว่าด้วยมนุษยธรรมสากล เช่น ข้อตกลงเจนีวา จะไม่ถูกบังคับใช้กับผู้สอบสวนอเมริกันโพ้นทะเล
กระทรวงกลาโหมสหรัฐตอบกลับเหตุการณ์นี้ด้วยการพ้นสภาพทหารและเจ้าหน้าที่จำนวน 17 คน ระหว่างพฤษภาคม 2004 ถึงเมษายน 2006 ทหารเหล่านี้ถูกตัดสินจำคุกที่ทัณฑสถานกองทัพ และถูกปลดออกจากกองทัพ ในจำนวนนี้มีสหารสองคนที่ก่อเหตุอย่างเลวร้ายขั้นสุด คือ ชารลส์ แกรเนอร์ และ ลินน์ดี อิงแลนด์ ถูกตัดสินลงโทษด้วยทัณฑ์ที่หนักกว่ามาก แกรเนอร์ถูกตัดสินกระทำผิดฐานฆาตกรรม, ทำร้ายร่างกาย, สมรู้ร่วมคิด, ดูแลนักโทษผิด ๆ, กระทำการเสื่อมเสียและขัดต่อหน้าที่ และถูกจำคุก 10 ปี, ถูกถอดยศและเงินตำแหน่ง[8] อิงแลนด์ถูกตัดสินความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด, ดูแลนักโทษผิด ๆ แะลกระทำการเสื่อมเสียต่อกองทัพ ถูกตัดสินจำคุกสามปี[9]
'When you put that set of horrendous work conditions and external factors together, it creates an evil barrel,' writes the eminent situationist psychologist Philip Zimbardo, known for his famous Stanford Prison Experiment in the early 70s.